Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สาระอาหาร : ชวนกันกินผัก/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ




สาระอาหาร : ชวนกันกินผัก

อาหารพวก "ผัก" ไม่เพียงแต่รับประทานแล้วอร่อยและอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางยาแอบแฝงอยู่อีกด้วย ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่ง เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น เกลือแร่ วิตามิน อยู่เป็นจำนวนมาก สารบางอย่างจะมีเฉพาะในผักเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พบมากในผักทุกชนิดคือ "กากใย" (Fiber) ซึ่งเป็นส่วนที่ย่อยไม่ได้และไม่ให้พลังงาน

กากใยมีประโยชน์อย่างไร

1. ช่วยลดความอ้วนเพราะให้พลังงานน้อย และจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้

2. ลดอัตราการดูดซึมของน้ำตาล จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังค้นพบอีกว่าคนที่รับประทานใยพืชมากๆ จะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวาน

3. ช่วยลดการดูดซึมไขมันและโคเลสเตอรอล

4. กระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก อีกทั้งยังช่วยลดการเก็บกักของเสียในร่างกาย ลดการหมักหมมของเสียในลำไส้ ลดโอกาสการดูดซับสารพิษจากของเสียเข้าสู่ร่างกาย และที่สำคัญมันช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเช่นกัน

5. ลดอัตราเสี่ยงจากไขมันอุดตันหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต มีรายงานการศึกษาวิจัยจากวารสาร Archives of Internal Medicine พบว่าคนที่ชอบรับประทานอาหารพวกผักหรือเมล็ดธัญญพืชมากๆ มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ชอบรับประทานพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพในด้านลดความดันโลหิตลงมา ซึ่งจะส่งผลให้ลดอาการป่วยที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย เป็นต้น

6. ช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เป็นต้น

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ผักชนิดต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกมาให้เรากินกันตลอดทั้งปี ซึ่งผักตามฤดูกาลนั้น มีคุณภาพ อร่อย ราคาถูก

การรับประทานพืชผักตามธาตุเจ้าเรือนในทฤษฎีแพทย์แผนไทย

พืชผักสำหรับคนธาตุดิน คือ คนที่เกิดเดือน 11 12 และ 1 หรือเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม

รสฝาดหวาน มัน และเค็ม เช่น ถั่วต่างๆ เผือก หัวมันเทศ ฟักทอง กล้วยดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดมะยม สมอไทย กระถินไทย ผักหวาน ขนุนอ่อน สะตอ ผักโขม โสน ขจร ผักเซียงดา ลูกเนี่ยงนก บวบเหลี่ยม บวบงู บวบหอม เป็นต้น

พืชผักสำหรับคนธาตุน้ำ คือ คนที่เกิดเดือน 8 9 10 หรือ หรือเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน

รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ มะยม มะกอก มะดัน กระท้อน ชะมวง ผักติ้ว ยอดมะกอก ยอดมะขาม มะอึก มะเขือเครือ มะแว้ง เป็นต้น

พืชผักสำหรับคนธาตุลม คือ คนที่เกิดเดือน 5 6 7 หรือเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน

รสเผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย โหระพา กะทือ ดอกกระเจียว ขมิ้นชัน ผักคราด ช้าพลู ผักไผ่ พริกขี้หนู สะระแหน่ หูเสือ ผักแขยง ผักชีลาว ผักชีล้อม ยี่หร่า สมอไทย กานพลู เป็นต้น

พืชผักสำหรับคนธาตุไฟ คือ คนที่เกิดเดือน 2 3 4 หรือเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม

รสขม เย็น และจืด เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักกระสัง สายบัว ผักกาดจีน มะระ ผักปรัง มะรุม มะเขือยาว กระเจี๊ยบมอญ สะเดา ยอดฟักทอง มะเขือยาว กุยช่าย ฟักแฟง แตงทั้งหลาย

ทุกคนควรรับประทานอาหารและพืชผักหลากรสเพื่อบำรุงธาตุทั้ง 4 แต่ต้องเน้นธาตุเจ้าเรือนและธาตุที่เป็นจุดอ่อนสำหรับตัวเรา ซึ่งอาหารไทยนั้นมีหลายรสและสามารถปรับให้สอดคล้องกับธาตุเจ้าเรือนหรืออาการของโรคได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันอาหารไทยได้รับความนิยมไปทั่วโลกก็เพราะรสอันหลากหลายและมีสรรพคุณด้วย เช่น

รสฝาด มีสรรพคุณแก้ในการสมานแผล แก้ท้องร่วง บิด บำรุงธาตุ เช่น ยอกจิก ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดฝรั่ง ผักกระโดน ยอดเสม็ด เป็นต้น

รสหวาน มีสรรพคุณซึมซาบไปตามเนื้อ ทำให้ชุ่มชื้น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย แต่ทานมากเกินไปจะแสลงโรคเบาหวาน เสมหะเฟื่อง แสลงบาดแผล เช่น เห็ด หน่อไม้ ผลฟักข้าว ผักขี้หูด เป็นต้น

รสมัน มีสรรพคุณแก้เส้นเอ็นพิการ บำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น บำรุงเยื่อกระดูก เป็นยาอายุวัฒนะ เช่น สะตอ เหนียง บัวบก ขนุนอ่อน ถั่วพู ฟักทอง เป็นต้น

รสเปรี้ยว มีสรรพคุณแก้ทางเสมหะ ฟอกโลหิต ระบาย เช่น ยอดมะขามอ่อน ยอดชะมวง มะเฟือง มะเขือเทศ เป็นต้น

รสขม มีสรรพคุณบำรุงโลหิตและน้ำดี เช่น มะระขี้นก ยอดหวาย ดอกขี้เหล็ก ใบยอ สะเดา ผักโขม ยอดมะรุม เป็นต้น

รสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณแก้ลมจุกเสียดแน่นเฟ้อ ขับผายลม บำรุงธาตุ เช่น ใบแมงลัก ใบโหระพา ใบช้าพลู ขิง ข่า ขมิ้น เป็นต้น


อาหารต้านความจำเสื่อมได้/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ











อาหารต้านความจำเสื่อมได้

สิ่งที่น่ากังวลอย่างหนึ่งสำหรับ คนทำงาน นั่นคือ จู่ๆ เกิดความจำเสื่อมขึ้นมา จะทำยังไงดี

แต่รู้กันหรือไม่ว่า อาหารนี่แหละ...ต้านความจำเสื่อมได้ เพราะอาหารมีผลอย่างมากต่อสมาธิ ความคิด ความจำของคนเรา การทำงานของระบบสมองและการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ขึ้นอยู่กับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ การขาดสารอาหารที่สมองต้องการย่อมมีผลต่อการเสื่อมของสมองอย่างแน่นอน

สารสื่อสมองที่สำคัญตัวหนึ่ง คือ อะซิทิลโคลีน ซึ่งช่วยเพิ่มความจำ ควบคุมการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ การหายใจ นอนหลับ ตื่นตัวอะซิทิลโคลีนสร้างจากสารโคลีน หรือเลซิทิน ร่างกายเราสามารถสร้างโคลีนได้ แต่บางทีก็ไม่เพียงพอต่อการทำงาน ซึ่งหากขาดสารโคลีน อาจจะเร่งให้เราความจำเสื่อมเร็วขึ้น

ผู้หญิงต้องการโคลีนอย่างน้อยวันละ 425 มิลลิกรัม ผู้ชายต้องการ 550 มิลลิกรัม และ คนสูงวัยต้องการ 1,500 มิลลิกรัมอาหารที่มีโคลีนสูง ก็พวกไข่ ตับไก่ หมู ถั่วเหลือง เป็นต้น

หากเราต้องการเสริมความจำ เพื่อกันไม่ให้สมองเสื่อม ก็ต้องปรับพฤติกรรมการกิน การไม่กินเหมือนกัน เช่นว่า...




กินอาหารเช้าทุกวันอย่าได้ขาด โดยขอให้มีผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และอาหารที่มีโปรตีนสูงรวมอยู่ด้ว

กินทุก 3-4 ชั่วโมง และควรกินคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสี เช่น ธัญพืช หรือผักที่มีแป้ง จำพวกลูกเดือย เผือก มันด้วย

กินอาหารมื้อเล็กๆ เลี่ยงอาหารไขมันสูง

กินอาหารตามหมวด แป้ง หรือธัญพืชไม่ขัดสีอย่างน้อยวันละ 6 ส่วน ผักผลไม้วันละ 8-10 ส่วน โดยมีผักใบเขียวอย่างน้อย 2 ส่วน อาหารที่มีแคลเซียมสูง 3 ส่วน จะเป็นนมพร่องไขมัน หรือนมเสริมแคลเซียมก็ได้ กินถั่วต่างๆ มีปลา 2 มื้อ และอาหารที่มีโคลีนสูง เช่น ถั่วเหลืองเสริมวิตามินบีรวม วิตามินซี และวิตามินอีเพิ่มเติมเลี่ยงแอลกอฮอล์และสารนิโคติน

เลี่ยงอาหารที่ปนเปื้อนสารปรอท ตะกั่ว และโลหะอื่นๆ



การกินและการไม่กินอาหารเหล่านี้จะช่วยให้สมองของเราเสื่อมถอยช้าลงแต่ถ้าอยากจะเข้าใจเรื่องการต้านความเสื่อมต่างๆ ของร่างกายอย่างรอบด้าน ต้องหาหนังสือ?อาหารต้านวัย ต้านโรค? ของศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหาร ขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากอเมริกา มาอ่านกัน จะพบว่าอาหารสามารถต้านวัยต้านโรคได้หลากหลายเชียวล่ะ


วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อาหารเพื่อผิวสวย/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ





อาหารเพื่อผิวสวย

อออออใครอยากผิวสวย ยกมือขึ้น ..... ยกกันพรึบเลยค่ะ เลดี้ทิปเอาเคล็ดลับผิวสวยมาฝากกันอีกแล้วนคะ

เนื้อปลา

เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

เมล็ดข้าวและธัญพืช

ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิว

ผลไม้และผักสด

ผักสด มีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใย คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้ จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนู อาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศสับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท

น้ำเปล่า

น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย และหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ6-8 แก้วโต ๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างอวบฮาบอีกด้วย

ตัวอย่างเมนูอาหารเพื่อผิวผ่อง

มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส

มื้อเที่ยง : ปลาจาระเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง

มื้อว่าง : นมถั่วเหลือง หรือน้ำผลไม้คั้นสด ๆ

มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุบเต้าหู้ ข้าวกล้อง

อาหารที่ทำลายผิวพรรณ

1. ไขมันอิ่มตัวในเบคอน ไส้กรอก ไอศกรีม และเนยสด กระบวนการเผาผลาญอาหารเหล่านี้ จะเกิดอนุมูลสารอิสระสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่น และเสื่อมโทรม

2. รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป มีผลขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนยาน

3. คาเฟอีน เป็นตัวที่ดูดซับความชื้นจากผิว ถ้าคุณติดกาแฟจนยากที่จะเลิก เมื่อคุณดื่มกาแฟ 1 แก้ว ก็ควรดื่มน้ำเปล่าแก้วโต ๆ ตามไป 1 แก้วเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ร่างกายขาดน้ำ และผิวพรรณขาดความชุ่มชื้นไปด้วย

4. แอลกฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณ ขาดความเปล่งปลั่ง ถ้าคุณเป็นนักดื่ม ทุกครั้งที่ดื่มแอลกฮอล์ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าแก้วโต 2 แก้ว เพื่อชดเชยไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และช่วยป้องกันไมให้ผิวขาดความชุ่มชื้น


ข่าวดีของคนที่ชอบกินทุเรียน ต่อจากกินทุเรียนแล้วผอมครับ





ข่าวดีของคนที่ชอบกินทุเรียนในขณะที่คนไทยยกย่องให้ ทุเรียน เป็นราชาและ มังคุด เป็นราชินีแห่งผลไม้ เป็นที่ยอมรับกันว่าทุเรียนไทยมีรสชาติอร่อยและคุณภาพดีที่สุดในโลก ปัจจุบันมีการส่งออกไปขายยังสาธารณรัฐประชาชนจีนมากที่สุด ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี ทุเรียนจากเขตพื้นที่ ภาคตะวันออกจะออกสู่ตลาด คนไทยนิยมบริโภคทุเรียนกันมากมีผลทำให้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกันมีราคาตกต่ำ ในขณะเดียวกันมักจะมีคำเตือนจากหมอว่าไม่ควรกินทุเรียนในปริมาณมากเกินไป บ้างก็ว่าในเนื้อทุเรียนมีปริมาณแป้งและไขมันสูง เป็นของแสลงของผู้ป่วยโรคเบาหวาน, โรค ความดันโลหิตสูงและคนที่กลัวอ้วนทั้งหลาย

ขณะนี้มีเรื่องที่น่ายินดีที่จะทำให้คนที่บริโภคทุเรียนได้สบายใจขึ้น เพราะทุเรียนไม่ได้มีแต่เพียงความอร่อยอย่างเดียว รศ.ดร.ระติพร หาเรือนกิจ, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ Professor Dr.Shela Gorinstein จากมหาวิทยาลัยฮิบบรูและคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยการเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ได้ทำการศึกษาเชิงลึกของประโยชน์จากทุเรียนมีส่วนในการลดไขมัน ในเส้นเลือดในห้องปฏิบัติการและเมื่อทดลองกับหนูพบว่า ทุเรียนมีสารโพลีฟีนอลและสารฟลา โวนอยด์ ในปริมาณสูงเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น โดยสารทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ

จากงานทดลองพบว่า ทุเรียนที่มีความสุกพอดีจะมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าทุเรียนดิบหรือทุเรียนที่สุกเกินไป (ที่เรียกกันทั่วไปว่าทุเรียนปลาร้า) และยังพบว่าทุเรียน พันธุ์หมอนทอง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระดีกว่า พันธุ์ชะนี และ พันธุ์ก้านยาว นอกจากนั้นเมื่อมีการตรวจวิเคราะห์ แร่ธาตุอาหารที่มีอยู่ในเนื้อทุเรียน อ.สุมิตรา บอกว่า ทุเรียนมีปริมาณเส้นใยอาหารและธาตุเหล็กสูงมากซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อมีการเปรียบเทียบทุเรียนพันธุ์หมอนทองกับผลไม้เมืองร้อนชนิดอื่น พบว่ามีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า สละ, มังคุด, ลิ้นจี่, ฝรั่ง และมะม่วงสุก ตามลำดับ

คณะผู้วิจัยยังได้นำทุเรียนไปเลี้ยงหนูทดลอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่พิสูจน์ว่าทุเรียนมีดีจริงไม่ใช่ เพียงข้อมูลในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จากการเลี้ยงหนูทดลองด้วยอาหารที่ผสมทุเรียนกับคอเลสเตอรอล พบว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร สามารถลดสารคอเลสเตอรอลทั้งหมดได้ 16% และลด LDL คอเรสเตอรอลได้ถึง 31.3% เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ได้รับอาหารที่มีคอเลสเตอรอล ผสมอย่างเดียว จากการทดลองในครั้งนี้ทำให้พบว่าถึงแม้ว่าในเนื้อทุเรียนจะมีปริมาณไขมันมากแต่ส่วนใหญ่เป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย

จากงานทดลองในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าทุเรียนจัดเป็นผลไม้ไทยอีกชนิดหนึ่งที่สามารถบริโภคเป็นอาหารและยาจัดเป็นผลไม้สุขภาพอีกชนิดหนึ่งของไทยแต่ควรจะบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ


กินทุเรียน แว้ว…. ผอม/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ



กินทุเรียน แว้ว…. ผอม

กินทุเรียนแว้ว...ผอมถ้ากินตามเทคนิคของปู่ย่าตายายที่ตกทอดกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะก็รับรองผอมแน่คะ!

นั่นคือให้กินทุเรียนแบบถือว่าเป็นยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่กินเอาอร่อยอย่าที่เรากินๆ กัน ตื่นนอนให้เช้าๆ หน่อย สักประมาณตี 5 (เป็นเวลาที่ธาตุของเราเริ่มทำงาน) หลังจากแปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ทานทุเรียนได้เลย จะเลือกพันธุ์ไหนก็ได้ตามรสนิยม ให้ทานได้ประมาณครึ่งลูก คนอ้วนจะทานได้มากกว่านี้นิดหน่อย หลังจากทานแล้วดื่มน้ำอุ่นๆ ตามลงไปด้วยหลังจากทานทุเรียนแล้ว ควรงดอาหารเช้าของวันนั้น ทานติดต่อกัน 2 วัน

เส้นใยและความร้อนจากสารกำมะถันในทุเรียนจะไปชะล้างพยาธิและสิ่งสกปรกต่างๆ ในลำไส้ออกมาจนหมด ทำให้คุณผอมลง ร่างกายแข็งแรงสดชื่นด้วย

ทุเรียนมีดีรอบด้าน ถึงกินแล้วจะร้อนในไปหน่อย แต่ความดีอย่างอื่นของทุเรียยนก็ยังมี แถมมีตั่งแต่ต้นจรดรากซะด้วยสิ!...

เนื้อ: เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน แต่ความร้อนนี้ล่ะจะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิได้ด้วย

เปลือก: ถ้าเอาเปลือกแหลมๆ ไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วเอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสีย แผลจะหายเร็ว หรือถ้าหากมีเด็กในบ้านเป็นคางทูม คนสมัยก่อนเขาก็จะเอาเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง เอมาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพองที่คาง คางทูมก็จะยุบ

ใบทุเรียน: เอาใบทุเรียนไปต้มกับน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาอาบ ความร้อนจะช่วย ให้หายไข้และโรคดีซ่านได้

ราก:ตัดเป็นข้อๆ ใส่หม้อต้มให้เดือด นำมาดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงได้ดี

แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้วละก็ คุณอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ทุเรียนจะสามารถทำให้คุณสวยได้ ... วิธีการ ไม่ยากเลยเพียงแค่....นำเนื้อทุเรียนสุกพอห่ามๆ ไม่ต้องสุกมาก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สักกำมือหนึ่ง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อข้นๆ ทาไปเลยทั่วผิว เว้นรอบดวงตาและปาก หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น สรรพคุณมากมายอย่างนี้ สาวๆที่ไม่ชอบทุเรียนอาจจะต้องหันกลับมาสนใจทุเรียนมากขึ้นแล้วละ เพราะทุเรียนมีดีกว่าที่คิด จริงไหม!



วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ยิ่งกิน ยิ่งผอม/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ





ขัดใจจริงๆ เลยค่ะ เวลาเจอคู่มือเรียกความผอมสำหรับสาว กลัวอ้วน ไม่ว่าจะอยู่ในหนังสือเล่มไหน ก็เอาแต่บอกให้เราจำกัดปริมาณอาหาร ด้วยการนับปริมาณแคลอรีของอาหารที่เราทานเข้าไป แล้วเอาไปหักลบกลบหนี้กับปริมาณแคลอรีที่ใช้ไปในกิจกรรมต่างๆ อย่างกับเรามีเครื่องวัดแคลอรีแบบพกพา ยังไงยังงั้น แล้วอีกอย่างใครจะจำได้ว่าวันนี้เรากินอะไรไปบ้าง (


เพราะในชีวิตจริง การกะปริมาณแคลอรีถือเป็นเรื่องที่ยากเอาการทีเดียว WP จึงสรรหาวิธีง่ายๆ ในการเลือกรับประทานอาหาร จะได้ไม่ต้องนั่งนับปริมาณแคลอรีให้ปวดหัวอีกต่อไปก่อนเข้าโปรแกรม ศักดิ์สิทธิ์นี้ เราอยากให้คุณชั่งน้ำหนักไว้ก่อนในตอนเช้า แล้วหลังจากนี้ 2 สัปดาห์ลองกลับมาชั่งอีกครั้ง รับรองว่าจะพบกับความเปลี่ยนแปลง แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเรา ราวกับเป็นกฎเหล็กเลยนะคะ


1. กะปริมาณอาหารให้น้อยลงมื้อละ 20% ของที่เคยทาน เช่น ปกติทานข้าว 1 จาน ให้ลดลง 1 ใน 4 ทำเช่นนี้ทุกมื้อ อย่าไปคิดว่าคุณกำลังอดอาหาร เพราะการคิดแบบนี้จะทำให้มื้อต่อไปคุณรู้สึกหิวกว่าปกติ แต่แค่เตือนตัวเองไม่ให้กินซะจนอิ่มแปล้เท่านั้น


2. เลิกคิดถึงปริมาณแคลอรีของอาหารทุกชนิดที่คุณทาน ไม่ต้องห่วงว่าอาหารที่ทานเข้าไปจะมีปริมาณกี่แคลอรี ให้นึกไว้เสมอว่าการทานอาหารเป็นกิจกรรมที่มีความสุข หากคุณต้องทานอาหารด้วยความเครียด จะทำให้ขาดสติในการควบคุม และสุดท้ายจะหมดความอดทนในการควบคุมอาหารไปซะงั้น


3. อาหารบางอย่าง เช่น ของหวานจำพวกไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว ข้อดีของขนมหวานๆ พวกนี้คือ ยิ่งกินยิ่งอร่อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน ทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม แต่ข้อเสียคือ แค่กินไปนิดเดียว แต่ปริมาณแคลอรีทะลักสุดๆ แล้วรสชาติหวานหอมของมันก็จะทำให้เราปลอบใจตัวเองว่ากินไปนิดเดียวไม่อ้วนเท่าไหร่หรอก


4. ดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้วก่อนมื้ออาหาร หรือในระหว่างมื้อเมื่อรู้สึกหิว


5. ในอาหารแต่ละมื้อให้ทานผักสด หรือ ผลไม้มากๆ เข้าไว้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารยิ่งดี และถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการทานผักสด ให้ทานกับน้ำสลัดแล้วค่อยๆ ลดปริมาณน้ำสลัดลงจนคุ้นเคยกับรสชาติของผักสด หรือแรกๆ อาจทานผักลวกหรือผักนึ่งก็ได้และก่อนที่จะลงมือ ควรทานผักก่อนอาหารอย่างอื่นนะจ๊ะ


6. หากมีอาหารมากมายวางอยู่ตรงหน้าให้คุณเลือกรับประทาน (อย่างเช่นในมื้อบุฟเฟ่ต์) ให้ฝึกจนเป็นนิสัยว่า ควรเลือกอาหารจำพวกต้มหรือนึ่ง มากกว่าอาหารจำพวกผัดหรือทอด


7. ของหวาน ทานได้แต่แค่พอให้รู้สึกถึงรสชาติ เพราะถ้าคุณอดของหวานอาจมีข้ออ้างในใจได้ว่า ทำให้ฉันไม่สดชื่นเพราะร่างกายขาดน้ำตาล ทั้งที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงข้ออ้างในใจ จึงแนะนำให้ทานขนมหวานได้พอรู้รสเท่านั้น


8. เครื่องดื่มประจำตัวของคุณต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะไม่มีน้ำตาล แถมยังช่วยให้การเผาผลาญพลังงานระดับเซลล์ทำงานได้ดีขึ้น


9. หยุดทันทีที่อิ่ม จงอย่าเสียดายของเป็นอันขาด ถ้าคุณยังอยากทานต่อให้นึกเทียบค่าอาหารที่เหลือกับค่ายารักษาตัวเมื่อป่วย ด้วยโรคที่มากับความอ้วน อันไหนน่าเสียดายมากกว่ากัน


10. ลองแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ สัก 6 มื้อ ห่างกันมื้อละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้คุณหิวจนเกินควร จนฟาดเรียบ ในมื้อเดียวเพราะนั่นคือการทานมากเกินความจำเป็น ที่สำคัญห้ามทานจุบจิบระหว่างมื้อเด็ดขาด


11. ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง หรือถ้าใครสามารถกว่านั้นก็ตามสบายเลยจ้ะ เพียงแต่อย่าหักโหมจนเกินไป เพราะร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน


ปาร์ตี้ให้เต็มที่แต่ไม่ อ้วน/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ




ปาร์ตี้ให้เต็มที่แต่ไม่ อ้วน

จะทำอย่างไรล่ะปาร์ตี้สนุกๆ ไม่น่าพลาด....แต่ก็กลัวอ้วน ไปทีไรก็มีแต่ของอร่อยๆ ยั้งไม่อยู่ทุกที หลายคนคงเป็นแบบนี้แน่ โดยเฉพาะปาร์ตี้ตามโรงแรมที่มีบุฟเฟต์ให้อิสระในการตักกันจนลืมอิ่ม !

หลักการมีเพียงเล็กน้อยที่จะช่วยชะลอน้ำหนักตัวคุณได้ โดยต้องเข้าใจธรรมชาติของร่างกายกันก่อน คือ หนึ่ง ถ้ามีความรู้สึกหิวมาก ก็ย่อมต้องกินมาก เมื่อกินมากก็อ้วนได้ สอง เลือกชนิดอาหารที่มีแคลอรีต่ำก่อนตักเสมอ และสาม ยับยั้งปริมาณอาหารที่กินให้ได้ เหมือนที่ Dr.Azwiah Hashim ที่ปรึกษาด้านโภชนาการประเทศมาเลเซีย ฝากไว้ว่า There are no good foods or bad foods. The only bad thing about heavy dish, such as fried food for example, is the excessive amount we consume”

อาหารทุกชนิดที่คุณชอบจริงๆ แล้วก็สามารถกินได้ทั้งนั้น แต่ที่จะทำให้น้ำหนักขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่คุณกินเข้าไปต่างหาก ว่ามากเกินกว่าพลังงานที่ใช้ออกไปหรือเปล่าเท่านั้นเอง และนี่ก็คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้คนเราอ้วน!

ดังนั้นนักโภชนาการจึงแนะนำเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณไปปาร์ตี้ได้สบายใจขึ้นไว้ดังนี้

กินอาหารมื้อปกติก่อนไปปาร์ตี้

เชื่อหรือไม่หลายคนเมื่อรู้ว่าตัวเองมีปาร์ตี้หรือกินเลี้ยงในค่ำวันนั้น ก็มักจะใช้วิธีงดอาหารมื้อประจำ เพราะกลัวว่ามื้อเย็นกินมากแล้วจะยิ่งอ้วน แต่บางคนก็คิดต่างไป เช่น อดมื้อกลางวันด้วยเหตุผลที่ว่า เก็บท้องไว้กินตอนเย็น โดยยอมปล่อยให้ท้องว่างเพื่อจะไปเติมเต็มอาหารอร่อยๆ ให้เต็มคราบในมื้อเย็น ซึ่งเป็นความไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าคุณท้องว่าง และหิวมาก เมื่อถึงงานปาร์ตี้คุณจะเลือกกินแบบยั้งใจได้ยาก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณไม่สามารถควบคุมน้ำหนักหรือทำตามหลักการ 3 ข้อในตอนต้นได้เลย เพราะความหิวจะทำให้คุณลืมทุกสิ่งและห้ามใจตัวเองได้ยาก

การจำกัดปริมาณอาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการควบคุมน้ำหนัก ดังนั้นในวันที่มีปาร์ตี้คุณอย่าปล่อยให้ตัวเองหิว คุณควรจะกินอาหารให้ครบมื้อแต่เปลี่ยนเป็นอาหารที่เบาขึ้น เช่น มื้อเที่ยงเคยกินข้าวขาหมูก็ลองเปลี่ยนเป็นขนมจีนน้ำยา ซึ่งคนที่ควบคุมน้ำหนักก็ไม่ควรกินมากเกินไปอยู่แล้วในแต่ละมื้อ หรือก่อนถึงเวลาปาร์ตี้คุณอาจจะรองท้องเล็กน้อยจากบ้านหรือที่ทำงานไปก่อน เช่น สแน็กเล็กน้อย หรือสลัดสักจานเล็กๆ อย่าปล่อยให้หิวมากแล้วไปลุยเต็มที่ในงานปาร์ตี้ วิธีกินรองท้องไปก่อนนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกหิวจนอยากอาหารมากเมื่ออยู่ในงานที่มีอาหารยั่วน้ำลายดารดาษอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกที่ไม่หิวมากจะช่วยให้คุณยั้งใจในการเลือกอาหารและตักอาหารในปริมาณน้อยได้ดี ทำให้คุณกินไม่มาก

รู้จังหวะสำคัญที่สุด

ในทุกงานปาร์ตี้คงเลี่ยงอาหารนานาชนิดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ บวกกับบางคนมีแนวคิดที่ว่า เติมให้เต็มเป็นทุนไว้พรุ่งนี้ แบบนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดกันก่อนไปล่ะ ถ้าไม่อยากอ้วน

ลองวิธีนี้ดู หากงานปาร์ตี้นั้นเป็นแบบบุฟเฟต์ การตักอาหารครั้งแรก ให้คุณตักอาหารชนิดที่คุณอยากกิน ขอให้เลือกหลากหลายชนิดเข้าไว้ ซึ่งควรตักแต่พอประมาณเท่านั้น และให้กินอย่างช้าๆ ค่อยๆ เคี้ยวไม่ต้องรีบเพื่อกลับไปตักใหม่ หลังจากกินหมดในชุดแรกแล้ว ให้รอเวลาอีก 20 นาทีหรือกว่านั้น ถ้าคุณรู้สึกว่าอิ่มก็จงพอ ไม่ต้องไปตักเพิ่ม หรือถ้ายังอยากเติมอีกหน่อยก็ค่อยกลับไปตักใหม่ในปริมาณน้อย คุณอาจจะคุยสวนเสเฮฮากับเพื่อนๆ เดินแวะทักทายผู้คนให้เพลิดเพลินลืมเรื่องอาหารไปได้เหมือนกัน อีกทั้งการพูดคุยและการเดินคือการได้ระบายพลังงานที่สะสมอยู่ออกมารูปแบบหนึ่ง

ความสำคัญอยู่ที่ว่าการกินอาหารช้าๆ และหลากหลายจะได้ประโยชน์กับคุณมากที่สุด ทั้งการได้รับคุณค่าอาหารและการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากว่ากระบวนการย่อยอาหารเริ่มต้นขึ้นในปาก ตั้งแต่การเคี้ยว และในตัวเรามีสมองส่วนไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ที่เป็นตัวคอยชี้นำความอิ่มอยู่ สัญญาณความอิ่มมักจะทำงานขึ้นหลังจากเราเริ่มต้นกินต่อเนื่องไปจน 20 นาที ก็จะรู้สึกอิ่มแล้ว สังเกตง่ายๆ ว่าคนที่หิวมากแล้วกินเข้าไปเต็มที่จะรู้สึกว่าอิ่มมากจนตัวพองในเวลาไม่เกินประมาณ 20 นาที ดังนั้นนึกดูว่าถ้าคุณกินช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป คุณก็จะรู้สึกอิ่มได้ในเวลา 20 นาที ปริมาณอาหารที่ได้รับก็จะไม่มากนัก ตรงข้ามกับคนที่กินเร็วเคี้ยวเร็ว มีโอกาสกลับไปตักอาหารเพิ่มอีก ซึ่งภายใน 20 นาทีของเขาย่อมได้รับปริมาณอาหารมากกว่าคุณแน่นอน

กินพอประมาณ - เลือกอาหารแคลอรีต่ำ

การไปปาร์ตี้สนุกได้เสมอและคุณสามารถลิ้มรสอาหารได้ทุกชนิดที่ต้องการ แต่ขอให้จำกัดปริมาณอาหารแต่เพียงหอมปากหอมคอ ชิมอย่างละนิดละหน่อย ถ้าจะเน้นปริมาณให้เน้นไปที่อาหารชนิดที่ให้แคลอรีต่ำ เช่น สลัดผัก ซุปใส ส้มตำ ยำวุ้นเส้น เป็นต้น

หากงานที่คุณไปจัดเป็นโต๊ะที่มีบริกรมาเสิร์ฟ คุณต้องกำชับเขาว่า นิดหน่อยก็พอ และถ้าเขาตั้งใจเสิร์ฟให้คุณรอบสองก็คงต้อง พอก่อนดีกว่า และหากว่าอาหารที่ขึ้นโต๊ะให้คุณตักเอง คุณก็ต้องเลือกกินอาหารที่ไขมันน้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ไก่อบ ควรเลือกเนื้อบริเวณหน้าอกไม่ติดหนัง จะมีไขมันต่ำที่สุด หรือเลือกเป็นเมนูประเภทปลาก็น่าสนใจ นอกจากนี้ก็ควรกินอาหารที่มีน้ำเกรวี่หรือน้ำมันหอยราดมาด้วยแต่น้อยเช่นกัน

ส่วนของหวานถ้าเป็นเบเกอรี่ ช้อคโกแล็ต พุดดิ้ง ไอศกรีม ขนมที่มีกะทิ คงชิมได้อย่างละนิดก็เกินพอ แล้วเลี่ยงมากินผลไม้สด ฟรุ้ตสลัด เยลลี่ น่าจะเหมาะกว่า

นอกจากเคล็ดลับการกินอาหารให้ไม่อ้วนในงานปาร์ตี้แล้ว เรายังมีแนวคิดในการปรับพฤติกรรมประจำวันเพื่อช่วยรักษาน้ำหนักตัวคุณในช่วงเทศกาลงานเลี้ยงนี้แถมอีกด้วย ... เพื่องานปาร์ตี้แสนสนุกที่คุณไม่อยากพลาด

ลดน้ำหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงบ้าง

เครื่องดื่มเป็นตัวสำคัญที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวได้มากเชียวล่ะ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะให้พลังงานมาก ( 7 กิโลแคลอรี ต่อกรัม) จึงทำให้อ้วนง่าย ไม่แพ้น้ำหวาน หรือน้ำอัดลม ในช่วงเทศกาลเช่นนี้ คุณอาจต้องไปงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็คงไม่พ้นการดื่ม ดังนั้นคุณควรต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มในชีวิตประจำวันเสียบ้าง เช่น คนที่เคยดื่มน้ำอัดลมทุกมื้ออาหาร หรือดื่มเบียร์เป็นประจำทุกเย็นย่ำ ช่วงนี้คงต้องงด แล้วเปลี่ยนไปดื่มน้ำผลไม้ น้ำแร่ หรือน้ำเปล่าแทน เพราะคุณมีงานปาร์ตี้รออยู่ ซึ่งหากคุณไม่ลดการดื่มเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงในชีวิตประจำวันเหล่านี้ลงบ้าง แล้วยิ่งไปเพิ่มการดื่มในงานปาร์ตี้เข้าไปอีก รับรองว่าเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความอ้วนแน่นอน

ใช้พลังงานให้มากขึ้น

แน่นอนที่สุดค่ะ เมื่อเราได้รับพลังงานจากอาหารเข้าไปเท่าไรก็ย่อมต้องใช้พลังงานออกมาให้เท่าเทียมหรือมากกว่าจึงจะไม่อ้วน ร่างกายของคนเราเป็นกลไกอัตโนมัติที่ธรรมชาติสร้างมา เช่น บางคนเคยกินอาหารได้พลังงาน 2,000 แคลอรีต่อวัน ร่างกายก็จะเคยตัวและต้องการพลังงาน 2,000 แคลอรีทุกวัน หากคุณไม่ออกกำลังกายหรือใช้พลังงานไม่หมดก็จะสะสมเป็นไขมันจนกลายเป็นความอ้วน แต่ถ้าคุณกินให้น้อยลงกว่า 2,000 แคลอรีต่อวัน ร่างกายของคุณก็จะดึงเอาพลังงานที่สะสมไว้ออกมาใช้ น้ำหนักตัวจึงลดลงได้

ดังนั้นในช่วงเทศกาลการกินในเดือนแห่งการฉลองนี้ อย่าลืมว่านอกจากงานเลี้ยงสังสรรค์ แล้วยังมีของขวัญ ของฝากไม่น้อยเลยที่นิยมให้เป็นขนม คุณคงทนไม่ไหวแน่ที่จะมองของขวัญชิ้นอร่อยนั้นเฉยๆ ไหนตอนเย็นต้องไปปาร์ตี้อีก ทางหนึ่งที่จะควบคุมน้ำหนักตัวได้ในยามนี้คือการออกกำลังกายหรือใช้พลังงานให้มากขึ้น เช่น เล่นกีฬา เข้าฟิตเนส ให้ถี่ขึ้นและใช้เวลาในแต่ละครั้งให้นานขึ้น คนไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนก็อาจเริ่มต้นด้วยกิจกรรมง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน เช่น เริ่มวิ่งรอบบ้านทุกเช้า กระโดดเชือก เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มการใช้พลังงานในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นได้ เช่น เปลี่ยนจากขึ้นลิฟท์มาขึ้นบันไดแทน เดินออกไปกินมื้อเที่ยงแทนการสั่งเข้ามาในที่ทำงาน ทำงานบ้านด้วยตัวเองมากขึ้น หรือล้างรถเองแทนการนำรถไปล้างตามปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

นอนหลับให้เพียงพอ

คุณเชื่อไหมว่าคนที่นอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นสาเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ มีการวิจัยพบว่าคนที่นอนหลับพักผ่อนน้อยจะทำให้ร่างกายเกิดการเร่งการเผาผลาญ (metabolism) มากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อยขึ้นกว่าปกติ จนทำให้ต้องหาอะไรใส่ท้องบ่อยขึ้นด้วย ปริมาณพลังงานที่ได้รับก็ย่อมมากขึ้นตามไป และนี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรอดนอน

หลากวิธีเหล่านี้ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ แต่ต้องอาศัยความตั้งใจสักหน่อย ในการควบคุมน้ำหนักตัวให้ได้ดี เมื่อเทศกาลแห่งความรื่นรมย์มาเยือน อย่าปล่อยให้การไปสังสรรค์ปาร์ตี้หมดสนุก

เพราะมัวแต่กลัวอ้วนจนไม่กล้าแตะต้องอาหาร แล้วไปทรมานตัวเองด้วยการนั่งดูคนอื่นกินแต่ของอร่อย คุณอย่ากังวลไปแต่ลองใช้เคล็ดลับต่างๆ ดังว่าดู แล้วก็สนุกให้เต็มที่กับงานปาร์ตี้มันๆ



วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทคนิค ลดน้ำหนัก หลังคลอด/ อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ



เทคนิค ลดน้ำหนัก หลังคลอด

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก คู่แต่งงานหลายคู่ เมื่อแต่งกันแล้วแน่ละใครบ้างหละไม่อยากจะมีพยานรักตัวน้อยๆเอาไว้เชยชม แต่แหม กว่าจะได้เชยชมนี่ เล่นเอาผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ หนาวกันเป็นแถบๆ ไม่ใช่อะไรหรอก ก็รูปร่างอันสะโอดสะอง ที่อุตส่าห์ อดมื้อกินมื้อเพื่อความสวยนี่สิ มันจะมลายหลายไปในพริบตาชั่วเวลาไม่กี่เดือน ไหนจะผิวพรรณ ที่ผุดผ่องจะต้องมีคราบไคลที่ขัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก อีกหน้าตาที่เคยเปล่งปลั่ง ก็ต้องบวมจมูกบาน โอ้ย! นึกแล้วน่าใจหาย คลอดไปแล้วก็ไม่รู้จะกลับมาสวยได้เหมือนเดิม กินน้อยๆ เพื่อรักษาหุ่นจะดีมั้ยน้า

อย่าเชียวนะ คุณที่กำลังจะเป็นแม่ทั้งหลาย อย่าคิดเช่นนี้ การตั้งครรรภ์ไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้นนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณจะค่อยๆหายไปภายใน 6 เดือนหลังคลอด สอบถามจากคุณ"วาว" คุณแม่ที่รู้จักกัน ตอนท้องเธอน้ำหนักขึ้นถึง 24 กิโล หลังคลอดมาแล้ว 3 เดือน ลดลงไปตั้ง 20 กิโล ไปกระซิบถามมาให้แล้วค่ะ ว่าเธอมีวิธีรีดน้ำหนักออกได้อย่างไร

เรามาเริ่มดูกันตั้งแต่หลังที่ลูกน้อยคลอดออกมาเลยดีมั้ย เมื่อคลอดมาแล้วเธอไปชั่งน้ำหนักช่างน่าตกใจลงไปแค่ 5-6 กิโลเอง นั่นคือน้ำหนักของตัวเด็กและรก แต่ไม่ต้องตกใจนะ เพราะตอนนั้นตัวคุณแม่เองทั้งพอง ทั้งบวม มันจะยุบลงอีกค่ะ พอกลับมาบ้านแล้ว ต้องควบคุมอาหารอย่างจริงจัง อาหารทอดทั้งหลายควรหลีกเลี่ยง เปลี่ยนมาเป็นพวก นึ่ง ต้ม ปิ้ง ย่าง จะดีกว่า อ้อ ไม่ใช่เอาเนื้อติดมันอย่างเสือร้องไห้มาย่างหละ อันนี้ไม่ได้ผลนะคะ พวกมันๆ หรือหนังทั้งหลาย เขี่ยทิ้งให้หมด ไม่งั้นไม่สวยนะ ทานพวกโปรตีน วิตามิน เกลือแร่เยอะๆ ทานข้าวน้อยๆ หนักกับข้าวไว้ ผลไม้ กินเข้าไป ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายด้วยค่ะ แล้วนมอย่าลืม ต้องเป็นนมพร่องมันเนย ไขมันต่ำนะคะ ทานน้ำเยอะๆด้วยนะ และที่สำคัญยิ่ง ควรให้ลูกทานนมแม่ด้วย น้ำหนักลงเร็วแน่นอน (เทคนิคเล็กๆก่อนให้นมลูกสัก 10 นาที ให้ดื่มน้ำเยอะๆ) นอกจากทานอาหารแล้ว ก็ต้องมีการออกกำลังกายด้วยค่ะ จำไว้ว่า ร่างกายของคุณยังไม่ปกติดีเหมือนคนทั่วไป ต้องมีการพักฟื้น ควรเริ่มจากการยืดเส้นยืดสายสบัดแขนสบัดขาไปก่อนอย่าไปหักโหมมาก จะเจ็บตัวเปล่าๆ และต้องทำตัวให้กระฉับกระเฉงตลอดเวลาด้วยนะคะ ดิฉันมีวิธีบริหารส่วนต่างๆที่คุณแม่ทั้งหลายต้องมีปัญหานำไปปฎิบัติกันค่ะ

ส่วนแรกคือหน้าท้อง

ขั้นแรก นอนราบกับพื้น ยกขาชันเข่าขึ้น มือวางไว้ที่ท้ายทอย จากนั้นพยายามยกศรีษะขึ้นจากพื้นช้าๆ และลงราบกับพื้นให้ท้องแบนราบเลยนะคะ แล้วค่อยยกขึ้นใหม่ ทำอย่างนี้ 10 ครั้งค่ะ ถ้าร่างกายคุณแข็งแรงพอแล้วค่อยเพิ่มค่ะ และเมื่อคุณเริ่มแข็งแรงพอแล้ว ให้ทำในท่าเดิมแต่ยกเป็น 2 จังหวะ คือเมื่อยกแล้วให้หยุดแล้วยกต่อจังหวะที่สองจากนั้นก็วางศรีษะลง ทำ 10 ครั้งเมื่อแข็งแรงก็เพิ่มได้ค่ะ

และท่าสุดท้ายสำหรับการบริหารหน้าท้อง อาจจะยากสักหน่อยนะคะ เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องจริงๆ ให้นอนราบกับพื้น ยกขาขึ้นชันเข่า มือประสานไว้ที่ท้ายทอย ยกตัวขึ้นนับ 1 บิดไปทางขวานับ 2 บิดไปทางซ้ายนับ 3 หยุด แต่อย่าเพิ่งเอาหัวลงนะคะ ยกขึ้นมาอีกครั้งนับ 4 แล้วจึงวางหัวราบลงกับพื้น ท่านี้ไม่ขอจำกัดค่ะ ให้คุณทำเท่าที่คุณทำได้ ** การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง สำคัญคุณต้องเกรงหน้าท้อง และยกหัวขึ้นด้วยลำตัว อย่ายกมันด้วยมือที่อยู่ตรงท้ายทอย เพราะมันจะทำให้การออกกำลังกายของคุณไม่ได้ผลค่ะ **

ท่าบริหารต้นขา

ยืนตรง แยกขาออกพอย่อตัวลงได้ จากนั้นย่อตัวลงแตะพื้น อะ..อะ ไม่ใช่การก้มตัวไปเหมือนท่านักวิ่งนะคะ ให้ย่อตัวลง หลังตรงค่ะ ท่านี้ทำแล้วจะปวดขา แต่มันได้ผลนะคะ ทำ 10 ครั้งค่ะ

ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว รับรองค่ะ 3 เดือนหลังคลอดเห็นผลแน่นอน..


วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เตือนเด็กๆ ยิ่งอดอาหาร “น้ำหนัก” ยิ่งเพิ่ม




เตือนเด็กๆ ยิ่งอดอาหาร น้ำหนัก ยิ่งเพิ่ม

เด็ก ๆ ที่พยายามควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหารมีแนวโน้มจะน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าเด็กที่กินตามปกติ

บีบีซีนิวส์ - นักวิจัยอเมริกันเผย เด็ก ๆ ที่พยายามควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหารมีแนวโน้มจะน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าเด็กที่กินตามปกติ โดยอาจเป็นเพราะร่างกายเผาผลาญอาหารได้ดีขึ้น หรือไม่ก็เป็นเพราะเด็ก ๆ ที่ควบคุมน้ำหนักนั้นมีแนวโน้มจะกลับมากินเป็นพายุบุแคมมากขึ้น

"แม้ว่าการควบคุมน้ำหนักภายใต้การดูแลของแพทย์ จะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนที่มีน้ำหนักมากเกินไป ข้อมูลของเราชี้ว่าการอดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้นไม่ได้ผลสำหรับเด็ก ๆ รุ่นหนุ่มสาวหลายคน เผลอ ๆ จะทำให้น้ำหนักขึ้นด้วยซ้ำ" ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารกุมารเวช พีดิเอทริกส์ ระบุ

งานวิจัยชิ้นดังกล่าว เป็นผลงานของคณะนักวิจัยจากรงพยาบาลบริกแฮมแอนด์วีเมน ในบอสตัน ซึ่งทำการศึกษาเด็กชายและหญิงอายุระหว่าง 9-14 ปี กว่า 16,000 คน ตั้งแต่ปี 1996 - 1998 โดยศึกษาพฤติกรรมการกิน โดยให้เด็กตอบแบบสอบถาม พวกเขาพบว่า เด็กหญิงราว 30% และเด็กชายราว 16% ยอมรับว่ากำลังควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหารในระหว่างที่มีการศึกษา

ผลการศึกษาชี้ว่า แม้เด็กที่อดอาหารจะออกกำลังกายและกินอาหารแคลอรีต่ำกว่าเพื่อน แต่พวกเขาก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่ไม่อดอาหาร

เด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเผยว่าเธออดอาหารเป็นประจำบอกว่า น้ำหนักของเธอเพิ่มขึ้นมากกว่าเพื่อนผู้หญิงวัยเดียวกันที่ไม่อดอาหารราวปีละ 1 กิโลกรัม ส่วนเด็กที่อดอาหารถี่น้อยกว่า น้ำหนักเพิ่มน้อยกว่าเด็กหญิงคนแรกเล็กน้อย แต่ก็ยังมากกว่าคนที่ไม่อดอาหาร ทั้งนี้การศึกษาในเด็กผู้ชายก็ให้ผลลักษณะเดียวกัน

นักวิจัยสงสัยว่าเด็กที่อดอาหารอาจมีน้ำหนักขึ้นเพราะ กระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายมีประสิทธิภาพดีขึ้น ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องใช้แคลอรีลดลง อาหารที่กินเข้าไปจึงกลายเป็นส่วนเกินในที่สุด แต่ที่น่าเป็นไปได้มากกว่าก็คือ เด็ก ๆ มักควบคุมอาหารเคร่งครัดได้ไม่นาน และมักจะกลับมากินเป็นพายุบุแคมอีก ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น

นักวิจัยแนะนำว่า เด็ก ๆ ที่ไม่ได้น้ำหนักเกินถึงขั้นรุนแรง ควรเลือกควบคุมน้ำหนักโดยใช้วิธีที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วยการออกกำลังกาย และไม่จำเป็นต้องควบคุมแคลอรีอาหารเคร่งครัด