Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สูตรอาหาร_ลดน้ำหนัก

สูตรอาหารลดน้ำหนัก

ความอ้วนไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายไม่สวยงาม ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้หลายทาง คนที่มีน้ำหนักมากเกินควร จะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวานได้ง่ายกว่าคนปกติ ธรรมดา เพราะฉะนั้น ความอ้วน จึงถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องทำการรักษาแก้ไข

วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพดี ในการช่วยลดความอ้วน โดยไม่ต้องลดจำนวนอาหารที่เราทานอยู่ หรือหักโหม ออกกำลังกายจนเกินควร วิธีนี้ขึ้นอยู่กับการรู้จักลักษณะของอาหารชนิดต่างๆ ที่เราบริโภค ประกอบกับการออกกำลังการเพียงเล็กน้อย

สิ่งแรกที่จะต้องระลึกอยู่เสมอ คือ อาหารชนิดต่างๆ ที่เรารับประทานนี้ มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน อาหารบางชนิดมีจำนวน Calories สูง ทานแล้วอ้วน บางอย่างมีจำนวน Calories ต่ำ ทานได้จนอิ่ม น้ำหนักก็ไม่ขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าทานเนื้อหมู 100 กรัม ร่างกายจะได้รับพลังงานถึง 400 Calories แต่ ถ้าท่านทานแตงกวา 100 กรัม ร่างกายจะได้รับพลังงานเพียง 15 Calories

สิ่งที่สองที่ควรทราบ คือ อาหารแต่ละชนิดที่ท่านทานนี้ มีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 3 อย่าง คือ ไขมัน ( fat โปรตีน ( protein ) และแป้ง ( carbohydrate ) ตัวที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่สุด คือ ไขมัน ไขมัน หรือ fat นี้ มีจำนวน Calories อยู่สูงมาก ทานเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้อ้วนได้ คนที่ทานไขมันมาก จะมีไขมันอยู่ที่ร่างกายมากเกินควร ตามส่วนต่างๆ เช่น ใบหน้า ท้อง แขน ขา และสะโพกดูอุ้ยอ้ายน่าเกลียด เวลาตรวจเลือดดู จะพบไขมันอยู่ใน 2 ลักษณะ เป็นแบบ Cholesterol และแบบ Triglycerides เวลาไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย ควรบอกให้หมอตรวจดูระดับของ Cholesterol และ

Triglycerides ในเลือดด้วย

คนที่มีสุขภาพดี ระดับ Cholesterol ไม่ควรเกิน 250 mg.% และระดับ Triglycerides ไม่ควรเกิน 135 mg.% ถ้าเรามีไขมันในเส้นเลือดและในร่างกายมากเกินไป มันจะไปฝังตัวในเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้เส้นเลือดนี้ตีบ และหัวใจวายเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อย นอกจากนั้น ยังเป็นที่ เชื่อกันว่าทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจทำให้เป็น โรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งในเต้านมได้

ท่านจะเห็นจากรายการอาหารที่แสดงไว้ว่า เ นื้อหมู เนื้อวัว ไข่แดง เนย และถั่วลิสง มีจำนวนไขมันอยู่สูง เนื้อชนิดอื่น เช่น เนื้อไก่ ปลา หอย ปู และกุ้ง กลับมีส่วนประกอบที่มีไขมันต่ำกว่ามาก มีแต่เนื้อเป็ด ที่ยังมีส่วน fat อยู่ถึง 50% เพราะฉะนั้น เวลาท่านนึกจะทานเนื้อ จะต้องคำนึงอยู่เสมอว่า เนื้อหมู เนื้อวัว นั้นจะทำให้อ้วน แต่ท่านสามารถทานเนื้อไก่ ปลา ปู กุ้ง หอย ได้เป็นจำนวนมาก ทานได้จนอิ่มทุกมื้อ ก็จะได้รับจำนวน Cholesterol น้อย และส่วนประกอบที่เป็นไขมัน จะต่ำ และดีต่อสุขภาพ

ไข่นั้นมี Cholesterol สูง และมีส่วนประกอบเป็นไขมันมาก โดยเฉพาะตัวไข่แดง มีไขมันในรูป Calories อยู่เกือบเต็มใบ เพราะฉะนั้น ถ้าเราทานไข่มากเกินไป เช่น ทานแบบฝรั่งทุกเช้า 2-3 ฟอง แล้วยังทานมื้อเย็นเป็นไข่เจียวกับข้าวอีก จะทำให้เราอ้วนและเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ไข่นี้ไม่จำเป็นต้องทานมากกว่าอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

นม เนย และเนยแข็ง ก็มี Cholesterol สูง และมีส่วนประกอบเป็นไขมันเช่นเดียวกัน เนยนั้นมีถึง 700 calories ต่อ 100 กรัม ส่วน Cheddar Cheese นั้นมีถึง 400 calories ต่อ 100 กรัม ซึ่งๆ เท่ากับ Sirloin Steak เวลาทานนมหรือทานเนยแข็งดูเป็นของเบา ไม่หนักท้อง ความจริงแล้ว มันกลับทำให้เราอ้วนได้ ควรทานนมแบบ Skim Milk หรือ Low Fat Milk มากกว่า เนยแข็งแบบ Cottage Cheese พอทานได้ เพราะ Calories และส่วนไขมันไม่สูงเกินไป

ถ้าท่านสังเกตดูอาหารแบบถั่วหรือผัก จะเห็นว่า ถั่วงอกหรือถั่วลิสง ที่มี Calories สูงมาก ถั่วลิสงมี 550 และถั่วงอก 400 Calories ต่อ 100 กรัม ส่วนผักชนิดอื่นๆ เช่น แตงกวา ผักกาด มะเขือ กะหล่ำปลี หน่อไม้ มี Calories ต่ำมาก และยังส่วนประกอบที่เป็นไขมันไม่เกิน 5-10% อาหารแบบผลไม้ ก็คล้ายกับผัก คือมี Calories และส่วนไขมันต่ำมาก ยกเว้นลูกเกด (raisin) ซึ่งเป็นผลไม้อันเดียวที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากอ้วน

อาหารแบบผักและผลไม้นี้ จะเห็นว่า ประกอบด้วยแป้งหรือ carbohydrate เป็นส่วนใหญ่ ในสมัยก่อน คิดกันว่าการทานอาหารแบบมีแป้งนี้ เป็นอันตรายต่อร่างกาย ในสมัยนี้ เกิดการเปลี่ยนความคิดและคำแนะนำใหม่ กลับเป็น ที่เชื่อกันว่าระบบอาหารที่ประกอบด้วยผักและผลไม้เป็นส่วนมากนี้ เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ระบบการทานอาหารแบบ The Pritikin Diet ที่ Dr.Pritikin คิดขึ้นมา มีแต่ผักและผลไม้เป็นส่วนใหญ่ อนุญาตให้มีไขมันเพียง 5 % คำแนะนำของ Dr. Pritikin นี้ กำลังเป็นที่นิยม และนับถือกันมาก เพราะเอามาใช้กับคนอ้วน คนมีความดันโลหิตสูง คนที่เป็นเบาหวาน หรือเป็นโรคหัวใจ ได้ผลดีอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้น้ำหนักลดลง หลายสิบโล ภายในไม่กี่อาทิตย์ โรคเบาหวานก็มีอาการดีขึ้น ความดันโลหิตก็ลดลง

มื้อเช้าแบบไทยๆ เช่น ข้าวต้ม พร้อมกับแกล้มนิดหน่อย ปลาเค็ม ผักดอง ขิงดอง ถ้าอยากทานไข่เค็ม พยายามทานไข่ขาว ให้มากกว่าไข่แดง เพราะมีไขมันมาก

มื้อกลางวัน ควรเลือกรับประทานอาหารแบบ carbohydrate เช่น ก๋วยเตี๋ยวแห้ง หรือน้ำ พยายามหลีกเลี่ยงก๋วยเตี๋ยวผัดราดหน้า ซึ่งมีไขมันมากกว่า ลูกชิ้นเนื้อวัวก็พอทานได้ เพราะเนื้อได้ถูกต้ม เอาไขมันไปมากแล้ว การทานแบบน้ำ จะทำให้ท้องรู้สึกแน่น และอิ่มเร็วมากกว่าทานแบบแห้ง ถ้าเราไม่หิวมาก ทานแต่ ผักผลไม้ เป็นอาหารกลางวันก็ได้

มื้อเย็น ทานข้าวได้ แต่กับข้าวนี้ ควรมีปลา ปู กุ้ง หรือหอย เป็นส่วนใหญ่ ควรปิ้ง ย่าง นึ่ง หรือต้ม แทนที่จะผัด จะได้ไม่มีไขมันมาก และควรมีผักสดทานร่วมด้วยเสมอ ไก่นั้นทานได้ ส่วนเนื้อหรือหมู ควรต้มหรือแกงเสีย ก็จะช่วยให้น้ำหนักไม่ขึ้น ที่สำคัญ พยายามอย่าทานอาหารว่าง วิธีทานที่ดีที่สุด คือ ทานเมื่อเรารู้สึกหิว เท่านั้น ถ้าเราไม่หิว ก็แปลว่า ร่างกายเรายังไม่ต้องการอาหารเพิ่มเติม



อาหารแฝงที่ทำให้อ้วน

อาหารแฝงที่ทำให้อ้วน

หลายๆคนอาจจะบอกว่า ตัวเองไม่ได้กินพวกของมันๆ กินแต่ผักและผลไม้ และอาหารแคลอรีต่ำๆ ทำไมหนอ ยังอ้วนอยู่อีก

พอถามไปลึกๆกลับพบว่า คนเหล่านี้ยังชอบอาหารพวกขนมขบเคี๊ยว กินอาหารว่างบ่อยๆ หรือชอบนะละที่จะกินขนมหวานหรือ ไอศกรีม ยังไม่พอ น้ำเปล่าไม่เคยสน ล่อแต่น้ำอัดลม หรือ ไป drink แอลกอฮอล์บ่อยมาก พวกเหล่านี้แหละครับที่เรียกว่า อาหารแฝงที่ทำให้อ้วน

ใครชอบขนมขบเคี๊ยวที่เป็นซองๆ ชอบมากที่จะกินไปดู TV ไป หรืออย่างตอนนี้บอลโลก เชียร์อังกฤษ บราซิล ต้องมีขนมขบเคี๊ยวโดยเฉพาะพวกมันฝรั่งทอดนี้ชอบสุดๆ เผลอๆ กินเพลินกว่าจะจบการแข่งขันล่อไป 2-3 ซองใหญ่ๆ คุณรู้เปล่าว่า ของพวกนี้บางที มีแคลอรีมากโครตๆ

อย่าง มันฝรั่งทอดกรอบ 100 กรัม ปาเข้าไป 560 Cal หรืออย่าง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว 100 กรัม ก็ ล่อไป 597 Cal ใครชอบเมล็ดอัลมอนต์คั่ว พึกสำเหนียกว่า 100 กรัม ก็ 627 Cal หรืออยากหุ่นดีเพราะชอกโกแลต จะบอกให้ว่า 100 กรัม ปาเข้าไป 528 Cal

ใครกิน 3 ซอง ก็เข้า 3 คูณแล้วกัน เห็น Cal แล้วหลายๆคนคงพากันสลบ เพราะกินเข้าไปเป็นพัน นี้เฉพาะอาหารว่างนะนี้นะ

มาดูพวกชอบสวาปามอาหาร fast food บ้าง อันนี้หลายๆคนน่าจะรู้ว่าเป็นตัวมหันตภัยของความอ้วนจริงๆ เพราะแค่ แฮมเบอร์เกอร์ไก่ ขนาด 147 กรัมก็ปาเข้าไป 450 Cal หรือแฮมเบอร์เกอร์เนื้อ 150 กรัม ก็ 385 Cal ใครไปกินพิซซ่าบ่อยพึงสังวรเถิดว่าเจ้านี้แหละที่เป็นตัวสร้างพุงดีที่สุด เพราะว่า ขนาด 375 กรัม Cal พุ่งกระฉูดถึง 876 Cal

ส่วนใครบางคนลดน้ำหนักได้เพราะเลิกดื่มน้ำอัดลม เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เร่องน่าประหลาดใจ เพราะว่า หากใครชอบกินน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่าแล้วสามารถเลิกได้ หมายถึงว่าคุณสามารถลด Cal ในแต่ละวันได้ถึง 600-800 Cal เลยทีเดียวเชียวครับ

แล้วบางคนนะ อุตส่าห์อดอาหาร แต่ชอบเที่ยวกลางคืน ก็ไม่ต้องห่วงครับ ทั้งแอลกอฮอล์ แล้วพวกของแกล้มที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกของทอดน้ำมัน หรือเนื้อสัตว์ที่มันเยิ้มๆ จะไม่อ้วนได้ไงจริงไหม นอกเสียจากว่า ไปเที่ยวจะกินน้ำเปล่ากับอาหารชีวจิต ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครทำ อ้อ ขอบอกหน่อยว่า เบียร์นะครับ 1 ขวดใหญ่ ก็ประมาณ 320 Cal พวกคอแข็งๆ ล่อไป 3-5 ขวดก็รับ Cal ไป 960-1600 Cal นี้เฉพาะเบียร์นะ ยังไม่รวมกับแกล้ม

มาถึงตรงนี้คงบางอ้อหลายคนว่า ถึงลดอาหารหลักกินเท่าแมวดม แต่กินของว่างเพลินๆก็อ้วนได้เหมือนกันนะครับ

วิธีลดไขมันสำหรับหญิงสาว

วิธีลดไขมันสำหรับหญิงสาว

ผู้หญิงจะมีการสมสมไขมันมากกว่าผู้ชาย ก็เพราะสาเหตุมาจากหน้าที่ของฮอร์โมนเพศหญิง ที่จำเป็นจะต้องสะสมไขมัน ไว้ตามอก สะโพก ก้น ต้นขา หน้าท้อง ก็เพราะเป็นลักษณะทางกายภาพ แต่สำหรับผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชาย ทำให้มีระบบเผาผลาญพลังงานสูงกว่าผู้หญิง และมีกล้ามเนื้อ และพละกำลังที่มากกว่า ในทางธรรมชาติผู้หญิงจึงไม่สามารถเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้ชายเว้นแต่ได้รับยาประเภทสเตียรอยด์ จึงไม่ต้องกังวลว่าการฝึกเพาะกาย

หรือฝึกด้วยน้ำหนักจะทำให้มีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่โตผิดส่วน แต่ผู้หญิงบางคนที่ฝึกยกน้ำหนัก แต่ขาดการควบคุมอาหารทำให้มีไขมันสะสมอยู่รอบ ๆ กล้ามเนื้อก็อาจมองว่ามีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีการลดไขมันอย่างถูกต้อง ขนาดก็ละลดลง และสมส่วนไปเอง เนื่องจากการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคเป็นเพียงการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นขนาดของกล้ามเนื้อ ดังนั้นคนที่ขมักเขม้นกับการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคจะพบว่าเมื่อฝึกไปซักระยะหนึ่งรูปร่างจะมีสัดส่วนผิดแผกออกไป คือรูปร่างช่วงบนมีขนาดเล็ก แต่ช่วงล่าง เข่น ต้นขา น่อง ก้น มีขนาดใหญ่ และจะมีลักษณะบวม ไม่กระชับ และน้ำหนักตัวคงที่ไม่สามารถลดไขมันได้มากกว่าเดิม ยกเว้นแต่ได้ออกกำลังกายทั้งยกน้ำหนักควบคู่กับแอโรบิค จึงจะทำให้รูปร่างมีสัดส่วน กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังบาง ไขมันสะสมต่ำ เหมือนนายแบบ นางแบบ ที่เราเห็นโฆษณาอุปกรณ์ออกกำลังกายในโทรทัศน์ เราไม่ควรอดอาหารเพื่อต้องการลดไขมัน เพราะการอดอาหารจะทำให้เราสูญเสียขนาดของกล้ามเนื้อลง ทำให้ระดับการใช้พลังงานในร่างกายน้อยลง และจะสามารถทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดที่จะควบคุมอาหารเพื่อลดไขมัน เราไม่ควรรับประทานอาหารน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (Basal Metabolism Rate) เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องให้ในการรักษาขนาดของร่างกาย

BMR (แคลอรี) = น้ำหนักตัว (kg) x 0.9 x 24

โดยเฉลี่ยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ออกกำลังกายมักเลือกรับประทานอาหารระหว่าง 1,200 - 1,500 แคลอรีต่อวัน โดยเป็นไขมันไม่มากกว่า 10%-15% ของอาหาร (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี) ควบคู่ไปกับการแอโรบิค 30-60 นาทีต่อวัน โดยสามารถลดไขมันได้ถึงสัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม

กินแป้งอย่างไร ไม่ให้ อ้วน

กินแป้งอย่างไร ไม่ให้ อ้วน

ความเชื่อหนึ่งที่ฮิตกันมากเวลาเราจะลดความอ้วน นั้นคือการงดทานแป้งและน้ำตาล หรือ ลดสัดส่วนในการทานลงมากๆ ถามว่า ทำแบบนี้ถูกต้องไหม

ก่อนจะตอบคำถามนี้ เรามาดูก่อนดีไหมครับว่า ทำไมแป้งและน้ำตาล จึงเป็นตัวอันตรายต่อความอ้วน เมื่อเราทานแป้งและน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายมันกลายเป็น

กลูโคสเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งมีผลให้ ตับอ่อนจะผลิตฮอร์โมน อินซูลิน จะว่าไปก็เหมือนเป็นภารโรงที่คอยเกบกวาดกลูโคสไปจากกระแสเลือดโดยการนำเข้าไปในเซลล์เพื่อใช้ในการเผาผลาญเพื่อเป็นพลังงาน แต่หากกลูโคสยังเหลือ อินซูลินก็ไปกระตุ้นให้เกิดเอนไซม์ชนิดหนึ่งเปลี่ยนเจ้ากลูโคส เป็นไกลโครนเจนเข้าไปฝากที่ตับและกล้ามเนื้อ

แต่หากยังเหลืออีก คราวนี้แหละ อินซูลินจะเปลี่ยนกลูโคสกลายเป็นไขมันสะสมไว้ในร่างกายของคนเรา และนี้คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม แป้งและน้ำตาลถึงทำให้อ้วน

ดังนั้นที่เขาชอบแนะนำให้งดหรือลดการทานเจ้าแป้งและน้ำตาล ก็เพื่อลดระดับกลูโคสในกระแสเลือดนั้นเอง

แต่ในความจริงแล้ว เราก็มีวิธีการที่จะทำให้การกินแป้งไม่อ้วนแบบที่คิดได้ ด้วย 2 วิธีคือ

(1) การเลือกกินแป้งและน้ำตาล ที่มีดัชนี ไกลซีมิก ต่ำ - ดัชนีนี้เป็นตัววัดว่า อาหารพวกแป้งและน้ำตาลนี้จะมีผลต่อระดับของกลูโคสในเลือดอย่างไร หากมีค่าไกลซีมิกสูงเท่าไร ระดับกลูโคสในเลือดก็เพิ่มขึ้นเร็วเท่านั้น

โดยปกติ กลูโคสจะถือว่ามีค่าไกลซีมิกอยู่ที่ 100 ส่วนแป้งและน้ำตาลอื่นๆก็มีค่าน้อยลงลดหลั่นลงมา หากอาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกว่า 55 ถือว่ามีค่าไกลซีมิกต่ำ ส่วนระดับ 55-70 จัดว่ามีค่าอยู่ขั้นปานกลาง และระดับที่สูงกว่า 70 จัดอยู่ในขั้นสูง

ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดระดับกลูโคสในเลือดสูงเกินไป ก็เลือกกินแป้งและน้ำตาลที่มีค่าไกลซีมิกต่ำนั้นเอง

ตัวอย่าง แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกสูง เช่น ขนมปัง (แม้แต่โฮลวีทที่มีวิตามินเยอะก็สูง) วัฟเฟิล แครกเกอร์ ข้าวขัดขาว มันฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็น เฟรนฟราย หรือ อบ

ตัวอย่าง แป้งและน้ำตาล ที่มีค่าไกลซีมิกต่ำๆ เช่น พวกแป้งและน้ำตาลที่อยู่ในถั่วโดยส่วนใหญ่ น้ำตาลในผลไม้ ข้าวซ้อมมือ พาสต้า หรือ สปาเก็ตตี้

ปัญหาหลักของการทานดัชนีไกลซีมิกสูงๆ คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการฟอกสีและกระบวนการผลิตที่ทำให้อาหารที่มีค่าไกลซีมิกต่ำกลายเป็นอาหารที่มีค่าไกลซีมิกสูง อย่างพวกแป้งขัดขาวที่นำมาทำเป็นขนมปัง

เคยมีสังเกตถึงคนชาวพื้นเมืองของอเมริกัน ที่แต่เดิมกินพวก หัวเผือกหัวมัน ถั่ว ข้าวโพด อาหารที่เส้นใย ผลไม้ ซึ่งมีค่าไกลซีมิกต่ำ แต่เมื่อพวกนี้เปลี่ยนมากินอาหารแบบคนเมือง คือ อาหารฟาสฟู๊ด น้ำอัดลม ขนมอบต่างๆ ปรากฏว่า กลายเป็นคนอ้วนไปต่ามๆกัน พร้อมทั้งมีปัญหาโรคเบาหวานมากขึ้น

ดังนั้น ไม่ถึงกับต้องงดหรือลดการทานแป้งและน้ำตาลครับ แต่ให้เลือกพวกที่มีค่าไกลซีมิกต่ำ เป็นหลัก

(2) การออกกำลังกาย - การออกกำลังกายนี้จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้ผลิตฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งคือ กลูคากอน มันมีหน้าที่ในการรักษาระดับของกลูโคสในเลือดไม่ให้ต่ำเกินไป โดยการสลายไกลโครเจนที่สะสมไว้เป็นกลูโคส รวมไปถึงการเอาไขมันที่สะสมมาใช้ด้วย

เห็นไหมนี้แหละทำไม ออกกำลังกายถึงทำให้ผอมลง

เพราะฉะนั้น ในความคิดเห็นของผม อย่ากลัวแป้งและน้ำตาลมากจนเกินเหตุครับ ให้เราเลือกการรับประทาน และออกกำลังกายไปด้วย น้ำหนักก็ลดลงได้

5 อัศวิน พิชิตความอ้วน


รู้หรือไม่ว่า ที่จริงแล้วร่างกายของเรานั้นสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย อันเป็นที่มาของความอ้วนและโรคต่าง ๆ อย่างหลอดเลือดอุดตัน และหัวใจวายได้ในที่สุด

แล้วรู้อีกไหมว่า อาหารบางประเภทนั้นธรรมชาติเขาสร้างมาเพื่อช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในร่างกายให้อยู่ในภาวะที่สมดุล เรียกว่าเป็นอัศวินที่ธรรมชาติส่งมาช่วยมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว (ว่าไปนั่น) ซึ่งอัศวินเหล่านี้มีอยู่ 5 คนด้วยกัน ไปทำความรู้จักกับอัศวินพิชิตอ้วนกันดีกว่าค่ะ

มะเขือ

ในมะเขือทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเปราะ มะเขือพวง มะเขือเทศ ล้วนมีสารอาหารที่ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลอย่าง วิตามินพี หรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ และโพแทสเซียม ดังนั้น การรับประทานมะเขือทั้งหลายเข้าไปจึงช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอลได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ในแกงกะทิทั้งหลายจึงมักมีมะเขือเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย อย่างนี้แล้วเมื่อรับประทานแกงกะทิที่มันมาก ๆ ก็ควรรับประทานมะเขือเข้าไปด้วย เพราะนอกจากทำให้ไม่อ้วนแล้ว มะเขือยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันผนังเส้นเลือดแข็งตัว และทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติอีกด้วยค่ะ

ถั่วเหลือง

อัศวินคนที่สองผู้นี้อุดมไปด้วยโปรตีน เส้นใย วิตามินบี 1 บี 6 และบี 12 กรดโฟลิก คลอไรด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไขมันไม่อิ่มตัว (ไขมันดีสำหรับร่างกาย) และที่สำคัญที่สุดคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานเมล็ดถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ฯลฯ รับรองว่าไม่อ้วน ทั้งยังชะลอความแก่และป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย

หอมหัวใหญ่

หอมหัวใหญ่นั้นเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการลดความอ้วน ทั้งนี้เพราะหอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติที่ช่วยเผาผลาญไขมันและลดไขมันได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันน้ำตาลในเลือด และบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ธาตุเดินไม่ปกติได้อีกด้วย ดังนั้นในเมนูไข่ทั้งหลายที่เต็มไปด้วยคอเลสเตอรอลจึงควรใส่หอมหัวใหญ่ลงไป แล้วถ้าใครไม่ชอบรับประทานหอมหัวใหญ่ เพราะรู้สึกว่ามีกลิ่นแรง รสฝาด ขอแนะนำว่าให้ปรุงให้สุกเสียก่อน แล้วหอมหัวใหญ่จะมีรสหวานอร่อยมาก ทางที่ดีควรรับประทานหอมหัวใหญ่ให้ได้ทุกวัน วันละ 3 – 4 หัว โดยสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปต้มหรือนึ่ง อาจเหยาะเกลือเพิ่มรสชาติเล็กน้อยก็ได้

กระเทียม

แม้ว่าคุณสมบัติหลัก ๆ ของกระเทียมจะช่วยสร้างระบบการสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก หรือถ้าทานสด ๆ จะช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ด้วยก็ตาม แต่กระเทียมยังช่วยขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกายได้อีกด้วย เพราะการรับประทานกระเทียมจะทำให้ระบบเผาผลาญไขมันทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ดังนั้นในอาหารคาวจานต่าง ๆ จึงควรใส่กระเทียมสดเข้าไปด้วย รับรองว่าเห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ แต่คุณสมบัติคับแก้วมากค่ะ

แอปเปิล

ถ้าคุณหิวจนตาลายแต่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร แอปเปิลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ดี เพราะแอปเปิลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75% ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกินสิบนาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิดอ่อนเพลียระหว่างก่อนเวลารับประทานอาหารมื้อใหญ่ ๆ นอกจากนี้ในแอปเปิลยังมีสารอาหารจำพวกวิตามินซี บี 6 ธาตุเหล็ก ทองแดง และโพแทสเซียม ที่ช่วยในการเผาผลาญไขมานและควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย

เมื่อรู้จักกับอัศวินพิชิตอ้วนทั้ง 5 ไปแล้ว เวลารับประทานอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงนั้นก็ควรรับประทานอัศวินเหล่านี้เข้าไปด้วย โดยเลือกทานได้ตามความเหมาะสม เช่น ทานแอปเปิลก่อนรับประทานอาหารมื้อหลัก ใส่หอมหัวใหญ่ในไข่เจียว ใส่มะเขือทั้งหลายในแกงกะทิ มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบหลักในอาหาร คุณอาจรับประทานน้ำนมถั่วเหลืองทุกเช้าหรือเวลาหิว รับรองว่าถ้าทำได้เป็นนิสัยแล้วสุขภาพคุณจะแข็งแรงและไม่มีปัญหากับความอ้วนอีกเลยครับ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายนิดเดียว


แนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายนิดเดียว
เป็นคำแนะนำที่ง่ายๆ แต่ทำยากแสนยาก หนังสือเล่มไหนๆ ก็บอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่า
1.ควบคุมอาหาร
2.ออกกำลังกาย
3.วินัยอันมั่นคงแน่วแน่ ว่าจะแน่วแน่แก้ไข ไล่น้องไขมันให้จงได้ ไชโย บราโว่ โอม น้องไขมันจงออกไป
ทีนี้จะอธิบายเกี่ยวกับน้องไขมันให้ฟังนะครับ ว่า ทำไม๊ ทำไม เราถึงจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้น ถึงจะได้ผลจริงจัง
สมมุติว่า ในร่างกายของเรามีน้องไขมันอยู่ประมาณ 100 ตน กระจายอยู่เป็นหย่อมๆทั่วไปในร่างกายของเรา ขึ้นอยู่กับว่า เรามีรูปร่าง ลักษณะเป็นอย่างไร
1.ถ้าเราเป็นคนที่ช่วงบนใหญ่ ช่วงล่างเล็ก และตรงกลางก็ยังมีพุง ซึ่งมีทั้งภาคกลางตอนบนคือพุง และภาคกลางตอนล่างคือหน้าทอง มาแบ่งกั้นเขตแดนอยู่ระหว่างภาคเหนือตอนบน ( คือช่วงไหล่ บ่า หน้าอก ) และภาคใต้ ( ก้นและสะโพก ) อย่างชัดเจน น้องไขมันก็จะกระจายตัวอยู่ทั่วไปทางด้านเหนือมากหน่อย ไล่ระดับลงมาจนถึงภาคใต้ ภาคใต้ตอนล่างหรือก็คือน่องจะมีน้อยมากที่น้องไขมันจะมาฝังรกราก บางคนภาคเหนือตอนบนจะใหญ่อย่างไรแต่น่องก็ยังแอบมีเรียวงามไปได้ ส่วนอื่นๆของร่างกายก็จะมีน้องไขมันกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ เป็นพวกรักสันโดษหรือชนกลุ่มน้อย
2.ถ้าเราเป็นคนช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ และตรงกลางก็ยังแอบมีพุงอยู่ดีนั่นแหละ เหมือนจะเป็นการแบ่งแยกเขตแดนกันให้ชัดเจนกันไป รูปร่างลักษณะนี้ ชุมชนทางภาคเหนือจะมีน้อยกว่าชุมชนทางภาคใต้ หน้าอกหน้าใจจะพากันหายไปหมด น้องไขมันจะอพยพกันลงใต้ ซึ่งจะนิยมก่อม็อบกันอยู่แถวช่วงภาคใต้ตอนบน บั้นท้ายจะใหญ่เป็นพิเศษ น่องก็จะรองลงมาเป็นรองนางงามอันดับที่ 1
3.ถ้าเราเป็นคนรูปร่างตรงๆ คือมีน้องไขมันกระจายกันอยู่ทั่วทุกภาค ตัวก็จะดูกลมๆน่ารัก อ้วนไปทั้งตัว รูปร่างประเภทนี้ เป็นพวกรักความเป็นธรรม จะมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างเป็นธรรม กระจายน้องไขมันกันไปอยู่ตามภาคต่างๆกันอย่างทั่วถึง คือใหญ่ไปทั้งตัว ไม่มีแบ่งน้องไขมันไปทางภาคเหนือมากกว่าภาคใต้ หรือแบ่งน้องไขมันไปมากกว่าทางภาคเหนือ เน้นเท่าๆกันเข้าไว้

การออกกำลังกายก็อย่าหักโหม ทางสายกลางเหมือนกันคะ ถ้าไม่เคยออกกำลังกายเลย แรกๆ ก็เริ่มที่เบาๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการออกเข้าไป วันละไม่เกิน 1 ชม. กำลังดีค่ะ ทำได้ดังนี้ประจำ เห็นผลแน่นอน ผอมสวย หุ่นดี สุขภาพจิตดี มั่นใจตนเอง อย่าไปเล่นแบบนี้เด็ดขาด เช่น มีพุงเลยซัทอัพมันละ 200- 300 ครั้ง วิ่ง 30 นาทีเอย ว่ายน้ำ 30 นาทีเอย ยกเวทเป็น 50 เที่ยวต่อท่าเอย ทำทุกอย่างภายในวันเดียว พอว่างแล้วทำหนักๆ แบบนี้ พอไม่ว่างขึ้นมาหรือเบื่อขึ้นมาก็หยุด ร่างกายยังไม่ทันเข้าที่ดีเลย ตัวจะเด้งบวมกลับเข้ามาทันที ทำให้ตกใจคิดว่า ออกกำลังกายแล้วเท่าไรก็ไม่ผอม เป็นเพราะหักโหมออกกำลังกายโดยไม่พอดี และเมื่อออกกำลังกายหนัก บางครั้งก็รับประทานหนัก และออกกำลังกายหนัก มันก็ผอม แต่พอหยุดออกกำลังกายเวลาไม่ว่างไงค่ะ แต่ทานเท่ากับตอนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก น้ำหนักก็เด้งพรวด แล้วก็มาโทษว่า ออกกำลังกายก็ไม่ได้ผล พาลเลิกออกกำลังกายไปซะงั๊น มีคาถาแจกค่ะ สำหรับคนที่อยากสุขภาพดี หุ่นงาม จิตใจดี ถ้าควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายให้สำเร็จ คาถาที่ว่า คือ โอม วินัยแน่วแน่ โอมวินัยแน่วแน่ โอม..... ถ้าทำได้ดังที่กล่าวมาทั้งหมด รับประกันว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมายครับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลดอ้วน กับ 4 เหตุผลดีๆ








ลดอ้วน กับ
4 เหตุผลดีๆ


รู้กันทั้งกันบ้านทั้งเมืองแล้วว่า อ้วนก่อโรคนานา

โรคเหล่านั้นก็ร้ายๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง เลยไปถึงเครียด วิตกกังวล มะเร็ง และ อื่นๆ แต่สาวเจ้าเนื้อหลายคนก็ยังกินบ่ยั่น

วันนี้ผมจึงหาเหตุผลดีๆ ของการลดความอ้วนมาฝาก เผื่อจะเป็นแรงจูงใจให้สาวๆ นั่นคือ

1. ลดอาการปวดหัว มีงานวิจัยพบว่าคนที่มักมีอาการปวดหัวและไมเกรนเป็นคนอ้วนถึง 40 เปอร์เซ็นต์

2. ช่วยสุขภาพช่องปาก รายงานจาก Journal of Clinic Periodontology พบว่าคนอ้วนถึง 52 เปอร์เซ็นต์มักมีปัญหาเกี่ยวกับเหงือก

3. ช่วยให้หลับลึกยาวนาน มีการศึกษาพบว่าคนอ้วนมักนอนหลับไม่สนิท

4. หน้าตาผิวพรรณผ่องใส เพราะคนอ้วนมักมีปัญหาเรื่องความเครียดหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ และมักกินอาหารที่เต็มไปด้วยท็อกซิน หน้าตาผิวพรรณจึงหม่นหมองกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติ

จูงใจกันชะขนาดนี้ เอาชนะปากและความอยากของตัวเองเถอะครับ