Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาหารที่เราควรตุนไว้กินยามอยาก/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ


อาหารที่เราควรตุนไว้กินยามอยาก

หลายคนคงชอบที่จะหาขนมกินกันตอนบ่ายๆ หรือตอนพักผ่อนดูทีวี อ่านหนังสือ บางคนต้องทำงานดึกๆ พอหิวก็ต้องหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาทาน บางคนก้ทานเป็นมื้อใหญ่เลย จะดีกว่ามั้ยคะที่จะเปลี่ยนของกินเหล่านี้ให้เป็นอาหารที่เบาๆ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วนค่ะ

- นมถั่วเหลืองชนิดกล่อง สำหรับผู้ที่ต้องทำงานดึกๆ ลองดื่มนมถั่วเหลืองดูซํกล่องจะช่วยให้สบายท้องขึ้นเยอะค่ะ

- ซีเรียลชนิดแท่ง เป็นอีกทางเลือกที่สามารถเก็บได้นานโดยไมม่ต้องแช่ตู้เย็น มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ควรเลือกประเภทที่น้ำตาลต่ำนะคะ ยังสามารถเพิ่มรสชาติด้วยการทานกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติได้อีกด้วยค่ะ

- เนื้อปลาอบแห้ง เป็นขนมขบเคี้ยวที่มีโปรตีนสูง ต้องเลือกแบบอบและไม่มีผงชูรสนะคะ

- ถั่วอบ ขนมขบเคี้ยวให้โปรตีน ไขมันที่มีประโยชน์ รวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ ต่างๆ มากมาย

ขนมเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปนะคะ หวังว่าคงจะช่วยประทังความอยาก เอ๊ย.. ความหิวได้นะคะ




ออกกำลังกายได้ ไม่ต้องเลือกที่/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ


ออกกำลังกายได้ ไม่ต้องเลือกที่

ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะไม่รู้ตัวว่าอ้วน เพราะไขมันจะสะสมอยู่ในร่างกายนาน 2-4 ปีกว่าจะแสดงตัวว่าอ้วนออกมาให้เห็น โดยไขมันจะแทรกตัวอยู่ตามกล้ามเนื้อและผิวหนัง

การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ไขมันลดลง กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่หากคุณทำงานที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อต่างๆ ก็ไม่มีโอกาสทำงาน การสะสมไขมันจึงเกิดได้เร็วและง่าย ดังนั้นจำเป็นจะต้องหากิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกาย ให้มีการใช้พลังงานอย่างน้อย 150 แคลอรี่ต่อวัน เช่น เดินแทนการใช้รถ เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือทำงานบ้านต่างๆ ลองดูตารางกิจกรรมว่าแต่ละกิจกรรมนั้นจะใช้พลังงานกี่แคลอรี่ค่ะ



วัฎจักรแห่งความอ้วน/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ


วัฎจักรแห่งความอ้วน

น้ำตาลเป็นสาเหตุหลักของความอ้วนค่ะ การที่เรากินของหวาน หรือบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากๆ จะทำให้ร่างกายนำไปใช้ไม่หมดแล้วเก็บสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากเราต้องการลดน้ำหนัก เราจึงต้องลดปริมาณน้ำตาลลงด้วย

มาดูวัฎจักรของน้ำตาลดีกว่าค่ะ

รับทานอาหารน้ำตาลสูง --> กระตุ้นอินซูลินให้ออกมามาก --> ดึงระดับน้ำตาลให้ต่ำลงมามาก --> ทำให้รู้สึกหิวใหม่ --> หาอาหารน้ำตาลสูงมาทาน --> น้ำตาลในเลือดสูงอีก --> อินซูลินออกอีก

เช่นนี้เป็นวัฎจักรที่ทำให้เราอ้วนนั่นเองค่ะ

นอกจากน้ำตาลจะทำให้เราอ้วนได้แล้วน้ำตาลยังมีข้อเสียอีกมากมายได้แก่

- ทำให้โครงสร้างต่างๆ ของร่างกายเสียไปตั้งแต่คอลลาเจนไปถึงดีเอ็นเอ

- ก่อให้เกิดการเผาผลาญน้ำตาลซึ่งทำให้เกิดการหลั่งสารอักเสบในร่างกาย

- เพิ่มอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งจะทำลายโครงสร้างต่างๆ ในร่างกาย

- กระตุ้นอินซูลินให้ออกมามาก ซึ่งจะไปยับยั้งการสลายไขมัน นำไปสู่โรคอ้วนและเบาหวาน

วิธีการแก้ไขก็คือ ทานอาหารน้ำตาลต่ำ เช่น แป้งหรือข้าวไม่ขัดสี ได้แก่ข้าวกล้อง ทานผักสีเขียวเข้ม ผลไม้ที่ไม่หวาน และลดอาหารต้องห้ามค่ะ ได้แก่ ช้อกโกแลตนม คุ้กกี้ น้ำหวาน น้ำอัดลม กาแฟเย็นใส่นมข้นหวาน น้ำผลไม้กล่อง ไอศกรีม เค้ก ฯลฯ



เลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับเรา/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ



เลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับเรา

การออกกำลังกายมีอยู่หลากหลายวิธี ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างๆ กันไป สามารถดูได้ในบทความ "ข้อดีข้อเสียของการออกกำลังกายแต่ละแบบ" บางคนยังไม่ทราบว่าควรออกกำลังกายแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับตัวเอง ลองมาดูหลักวิธีการเลือกการออกกำลังกายดังนี้ค่ะ

1. สิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น บ้านอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ ก็สามารถว่ายน้ำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ความต่อเนื่องในการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญค่ะ หากนานๆ ออกกำลังกายทีก็จะเหมือนกับไม่ได้ผลอะไรเลย

2. ต้องการประโยชน์อะไรจากการออกกำลังกายนี้ เช่น บางคนต้องการลดน้ำหนัก บางคนอยากบริหารเพื่อให้หายปวดเมื่อย เป็นต้น

3. ความสะดวก ก็จะคล้ายๆ กับข้อ 3 คือหากเราต้องลำบากขับรถไปออกกำลังกายไกลๆ ก็คงทำได้ไม่นาน

4. ดูสุขภาพของเราว่าสามารถออกกำลังกายได้หนักแค่ไหน เช่นอยากวิ่งแต่ปวดหัวเข่าก็ไม่ควรจะวิ่ง ควรจะออกกำลังกายอย่างอื่นก่อน พอหายปวดแล้วจึงมาวิ่งได้ค่ะ

5. ความชอบของเราเอง ชอบออกกำลังกายแบบไหน หากไม่ชอบแต่ต้องฝืนทำก็จะไม่มีความสุข แล้วก็จะเลิกไปในที่สุด



มื้อเช้าเพิ่มพลังงานแต่ไม่อ้วน/อาหารลดน้ำหนัก ง่ายๆของคุณ


มื้อเช้าเพิ่มพลังงานแต่ไม่อ้วน

เป็นที่รู้กันดีนะคะว่าอาหารมื้อเช้านั้นสำคัญต่อร่างกายแค่ไหน สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่บทความ "วันนี้คุณกินข้าวเช้าหรือยัง ขอบอกว่าสำคัญมาก" หรือ "อาหารเช้าช่วยลดความอยากอาหารได้" หรือ "การไม่ทานอาหารเช้าจะทำให้อ้วนได้ง่าย" ดังนั้นคุณไม่ควรจะงดอาหารเช้าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามค่ะ ถึงแม้ว่าจะลดน้ำหนักอยู่ก็ตามค่ะ ดังนั้นเลดี้ทิปจึงได้หาอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณมีพละกำลังที่จะทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดวันโดยไม่ทำให้อ้วนมาฝากกันนะคะ

อาหารเช้าเหล่านี้จะมีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตที่สมดุล ซึ่งจะไม่ทำให้อ้วนค่ะ

โจ๊กข้าวโอ๊ต

วิธีการทำคือ นำข้าวโอ๊ตลงในนมถั่วเหลือง แช่ตู้เย็น ค้างคืนไว้ พอเช้านำออกมาอุ่นแล้วเพิ่มรสชาติโดยเติมนมถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วเมล็ดแห้ง หรือผลไม้แห้งอื่นๆ ที่ชอบ

อาโวคาโดปั่นกับนมถั่วเหลือง

ผสมอาโวคาโด 1 ผลใหญ่ กับนมถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำแข็งก้อน 1 แก้ว นำมาปั่นด้วยกัน แล้วกินกับผลไม้สดที่ชอบ

ขนมปังโฮลวีตปิ้งทาเนยถั่ว

ซื้อขนมปังโฮลวีตและเนยถั่ว(ชนิดน้ำตาลและเกลือต่ำ)มา (มีขายตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป) แล้วนำขนมปังมาปิ้ง แล้วทาเนยถั่ว ทานได้เลยค่ะ อยากจะเปลี่ยนรสชาติก็สามารถโรยถั่งอบ หรือผลไม้สด ฟรุตสลัด หรือผลไม้เคี่ยวลงไปก็ได้ค่ะ

ควรหลีกเลี่ยง

1. อาหารเช้าที่เป็นคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ เช่น ซีเรียล(ทุกยี่ห้อมีน้ำตาล) เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วตกฮวบ ทำให้คุณหิวอีกและหมดแรงได้ค่ะ

2. อาหารทอด มีไขมันมากเกินไป

3. น้ำตาลและกาแฟ จะไปกระตุ้นหัวใจ และทำให้เครียดง่าย กาแฟยังไปลดระดับแมกนีเซียมซึ่งเป็นตัวต้านความเครียดในตัวคุณค่ะ




วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Checklist ความชรา และ 100 วิธีสวยสุขภาพดี



Checklist ความชรา และ 100 วิธีสวยสุขภาพดี

คุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ส่อเค้าใกล้จะหมดสวยแล้วหรือเปล่า



1. ราตรีนี้อีกยาวไกล ยิ่งดึกยิ่งตาสว่าง ทำยังไงก็หลับไม่ลงเสียที
2. รู้ทั้งรู้ว่าต้องดื่มน้ำมาก ๆ แต่ไม่เคยดื่มได้ถึงวันละ 8 แก้วหรอกนะ
3. เป็นสิงห์อมควันตัวฉกาจ
4. สาวคอแข็ง ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา
5. นั่งอยู่ในตึกทั้งวันจะทาครีมกันแดดให้เปลืองไปทำไม
6. สู้งานไม่หวั่น ให้บุกน้ำลุยไฟ ท้าแดดท้าลมก็ไม่สบายมาก
7. สาวผู้ไม่ปล่อยวาง นักยึดติดทุกสิ่งอย่างไว้กับตัว
8. สาวกมีทเลิฟเวอร์ ผู้ปฏิเสธผักและผลไม้ทุกชนิด
9. ฝันถึงการออกกำลังกายเสมอ แต่ไม่เคยลงมือทำเสียที
10. รู้นะว่าฟาสต์ฟู้ดไม่ดี แต่ไม่มีเวลากินอย่างอื่นนี่นาทำยังไงได้

ถ้าคำตอบของคุณ คือ "ใช่" เกินกว่า 5 ข้อ รีบหยิบกระจกมาส่องมองหาความหมองคล้ำ หรือริ้วรอยบนใบหน้าได้เลยค่ะ


100 วิธีสวยจากศีรษะจรดปลายเท้า

การหวีผมด้วยแปรงก่อนนอนทุกวัน วันละ 10 นาที ทำให้ผมเงางาม เพราะช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมมากขึ้น
ควรเช็ดผมให้หมาดก่อนดราย เพื่อป้องกันให้ผมร่วง แห้ง และแตกปลาย
เลือกใช้แชมพูที่เป็นกลางจะมีค่า PH 7 ซึ่งเหมาะกับเส้นผมทุกชนิดถึงแม้จะสระผมบ่อยก็จะไม่ทำให้ผมแห้ง

To eat
ไข่ นมพร่องมันเนย ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นให้ผมยาวเร็วและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผม
ลูกพรุน และอาหารทะเล มีแร่ธาตุทองแดงซึ่งช่วยให้รากผมแข็งแรง
กรดแพนโทเทนิคในผักสีเขียว เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ปลา ไข่แดง และธัญพืช ทำให้เส้นผมเจริญงอกงาม ชุ่มชื้นและรักษาเส้นผมให้นุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ
แครอทมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรง
น้ำมันงาและถั่วแดงช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางามและลดการเกิดผมหงอกได้
สาหร่ายมีไอโอดีนทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม


Secret Recipe
สูตรเปลี่ยนสีผมสีน้ำตาลธรรมชาติ สระผมให้สะอาดแล้วนำเบียร์สด (ชนิดไม่แช่เย็น) 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง ชโลมให้ทั่ว คลุมผมด้วยหมวกพลาสติกพักไว้ 1-2 ชั่วโมง ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วล้างน้ำสุดท้ายด้วยน้ำมะนาวคั้นสด 1 ผล เกลือทะเลบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 2 แก้ว ทำทุกวัน 1-2 สัปดาห์
หมักผมด้วยกล้วยหอมบดกับน้ำมันมะกอกประมาณ 15 นาทีก่อนสระผมสัปดาห์ละครั้ง ช่วยให้ผมสลวยเป็นเงางาม
ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ หมักผมประมาณ 30 นาที ก่อนสระผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย ลดการแตกปลาย


ผิวหน้าเปล่งปลั่ง อ่อนวัย
การล้างหน้าบ่อยเกิน 2 ครั้งต่อวัน จะกระตุ้นให้เกิดสิวและผิวแห้ง
การทาครีมกันแดดควรทาให้เคลือบทั่วไปหน้า แต่ไม่นวดให้ซึมเข้าสู่ผิว เพื่อให้ครีมกันแดดเป็นปราการด่านแรกที่กระทบกับแสงแดด
ควรทดสอบคลีนซิ่งออยล์ก่อนซื้อทุกครั้ง ผลการสำรวจพบว่าคนไข้ 30 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการผดผื่นบนใบหน้า มีสาเหตุมาจากการอุดตันของคลีนซิ่งออยล์
ใช้ทิชชู่ห่อน้ำแข็งถูให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณทีโซน ประมาณ 2 นาที ทุกเช้าเย็น จะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าได้
การใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางนวดวนจากข้างจมูกขึ้นไปที่โหนกแก้มก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง จะช่วยให้แก้มกระชับอยู่เสมอ
ใช้น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) แต้มสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
ทาน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เพียงนำมาแต้มบริเวณหัวสิว
น้ำผึ้งมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ส่วนยางผึ้งมีฤทธิ์กำจัดแบคทีเรียและสมานผิว เมื่อนำมาแต้มรอยสิวที่ยังไม่แห้งจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
ทาน้ำส้มสายชูช่วยรักษาผิวไหม้แดด เพราะเมื่อน้ำส้มสายชูระเหยจะนำความร้อนจากผิวไหม้แดดออกไป น้ำส้มสายชูยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบและคันจากผิวไหม้แดดได้
ใช้น้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นกระช่วยให้รอยกระจางลงได้

To eat
วิตามินบี 5 จากจมูกข้าว ช่วยลดผื่นแดง ผื่นแพ้ และช่วยลดกระได้
ข้าวกล้องมีเส้นใยช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายดี ส่งผลให้หน้าใสและไม่มีกลิ่นตัว
แร่ธาตุสังกะสีซึ่งมีอยู่ในเมล็ดฟักทองช่วยรักษาผิวอักเสบและรอยคล้ำบนใบหน้า
การดื่มน้ำแครอท 2-4 แก้วต่อวัน จะช่วยลดการเกิดสิวได้
อาหารที่มีวิตามินบี 6 เช่น อะโวคาโด กล้วย ถั่วเมล็ดแห้ง มันฝรั่ง ช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมน และบรรเทาอาการอักเสบของสิวได้
สำหรับคนที่เป็นสิวก่อนประจำเดือน ลองดื่มชาเชสเบอร์รี่ (Chaste berry) วันละ 1-2 ถ้วย เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน ลดการเกิดสิว แต่ต้องดื่มติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน


Secret Recipe

ผสมมะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้
นำอะโวคาโดมาปอกเปลือก สับ และทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที วิตามินอีในอะโวคาโดจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
ผสมโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติกับน้ำมันงาบริสุทธิ์ พอกผิวหน้าไว้ประมาณ 10 นาที ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้ดี
ใช้หัวไชเท้าบด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา พอกทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้าได้


เอวกิ่ว สะโพกกระชับ

การนวดวนขณะอาบน้ำเป็นประจำ ช่วยลดปัญหาเซลลูไลต์ได้
บริหารต้นขาง่ายๆ ทุกเช้า โดยนอนตะแคงข้างแล้วยกขาขึ้นลง ข้างละ 15 ครั้ง จะช่วยลดไขมันและกระชับกล้ามเนื้อต้นขาได้
หันมากินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง เผือก ช่วยลดการสะสมของไขมันบริเวณเอวและสะโพกได้
การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมัน รวมทั้งน้ำมันปลา ถั่ว และธัญพืช ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้
สารแอลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่วช่วยลดระดับของเหลวที่สะสมอยู่ในเซลลูไลต์ได้
หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนม เนย น้ำตาลบริสุทธิ์ คาเฟอีน และอาหารมันๆ เพราะกระตุ้นให้เกิดการสะสมของเซลลูไลต์มากขึ้น




นำส้มเขียวหวานปอกเปลือกและแกะเม็ด คลุกกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะและข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ขัดเบาๆ บริเวณที่มีเซลลูไลต์สัปดาห์ละ2 ครั้ง จะช่วยลดปริมาณเซลลูไลต์ได้


ริดสีดวงทวาร...ป้องกันได้



ริดสีดวงทวาร...ป้องกันได้

โรคริดสีดวงทวาร เกิดจากหลอดเลือดดำบริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรงโป่งพองหรือขอด ทำให้มีอาการเจ็บๆ คันๆ ในระยะแรก และอาจมีอาการเจ็บปวดในระยะหลัง อาการสำคัญ คือ มีเลือดสดๆ ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ เนื่องจากเกิดการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพอง

โรคนี้พบได้บ่อยทั้งเพศหญิงและเพศชาย อาการในระยะแรกจะไม่รุนแรง มักเป็นๆ หายๆ สามารถหายได้เองในระยะแรก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะอายและไม่กล้าไปพบแพทย์ หากทิ้งไว้นานๆ โดยไม่รักษา อาจทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มักใช้เวลานานหลายปีก่อนจะมีอาการรุนแรงจนต้องรักษาโดยการผ่าตัด


โรคริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
1. ริดสีดวงทวารภายใน ริดสีดวงทวารชนิดนี้จะไม่ค่อยเจ็บปวด เนื่องจากบริเวณที่เป็นจะคลุมด้วยเยื่อบุของทวารหนัก ไม่มีเส้นประสาทรับความรู้สึกปวด
2. ริดสีดวงทวารภายนอก จะเป็นก้อนอยู่ข้างนอก มีผิวหนังคลุมอยู่ มักมีอาการคันและเจ็บมากกว่า ริดสีดวงภายใน เนื่องจากผิวหนังรอบทวารหนักมีเส้นประสาทรับความรู้สึกปวด


โรคริดสีดวงทวารยังสามารถแบ่งความรุนแรงของอาการและการโผล่ออกมาของริดสีดวงทวารได้ดังนี้
ระยะที่ 1 มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนัก เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระจะมีเลือดไหลออกมาด้วย หากท้องผูก เลือดจะยิ่งไหลออกมามากขึ้น เพราะมีการเสียดสีกับหลอดเลือดที่โป่งพองมากขึ้น
ระยะที่ 2 เมื่อถ่ายอุจจาระ ก้อนริดสีดวงจะโผล่ยื่นออกมา แต่สามารถหดกลับเข้าไปข้างในเองได้เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ
ระยะที่ 3 ก้อนริดสีดวงจะโผล่ออกมาขณะถ่ายอุจจาระ และไม่สามารถหดกลับเข้าไปข้างในเองได้ ต้องใช้นิ้วช่วยดัน
ระยะที่ 4 ก้อนริดสีดวงโผล่ออกมาตลอดเวลา และไม่สามารถใช้มือดันกลับเข้าไปได้

สาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารมากกว่าสาเหตุอื่นๆ ก็คือ ท้องผูกเรื้อรัง เนื่องมาจากพฤติกรรมที่ไม่ดีหลายๆ ประการ เช่น ไม่ค่อยได้รับประทานผักผลไม้ ดื่มน้ำน้อย ขับถ่ายไม่เป็นเวลา นั่งทำงานตลอดทั้งวัน ประกอบกับความเครียดในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกมากขึ้น

นอกจากท้องผูกเรื้อรังแล้ว ริดสีดวงทวารยังสามารถเกิดขึ้นได้จากภาวะท้องเสียเรื้อรัง การตั้งครรภ์ซึ่งจะหายไปได้เองหลังการคลอดบุตร หรืออาจเกิดจากพันธุกรรม ความชรา การยกของหนัก หรือการยืนนานๆ

การรักษาโรคริดสีดวงทวาร

การรักษามีหลายวิธี โดยพิจารณาจากชนิดและความรุนแรงของโรคเป็นหลัก ในระยะต้นๆ จะใช้การรักษาด้วยยา เช่น ยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม หรือยาสเตียรอยด์เหน็บทวาร เพื่อลดการอักเสบ ควรใช้ยาเมื่อมีอาการเท่านั้นและไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนานๆ

หากใช้ยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจใช้ยางชนิดพิเศษรัดริดสีดวงทวาร ซึ่งได้ผลดี ไม่เจ็บ และสามารถทำได้บ่อยๆ บางแห่งอาจรักษาด้วยการจี้ริดสีดวงทวาร เช่น การจี้ด้วยอินฟราเรด แต่ไม่จำเป็นนัก

โดยทั่วไปหากอาการไม่รุนแรงจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นผ่าตัด ยกเว้นบางรายที่เป็นทั้งริดสีดวงภายนอกและภายในพร้อมกัน ซึ่งไม่สามารถใช้ยางรัดได้ เพราะจะเจ็บมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน ปวดมาก หรือหัวริดสีดวงเน่าจากการขาดเลือด จึงจะรักษาด้วยการผ่าตัด

ปัจจุบันมีวิทยาการใหม่ๆ ที่ใช้ในการผ่าตัด ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บน้อยลง ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเดิม แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นด้วย

วิธีป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
- ระวังอย่าให้ท้องผูก ด้วยการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น สะดวกต่อการขับถ่าย และลดการเสียดสีกับเส้นเลือดที่โป่งพองบริเวณทวารหนัก
- ฝึกอุปนิสัยถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น



แม้ว่าโรคริดสีดวงทวารจะไม่มีอันตรายมากนัก ส่วนใหญ่จะมีเลือดออกไม่มาก แต่ก็มีบางรายที่มีเลือดออกจนช็อก แต่ที่ควรระวังมากกว่านั้นก็คือ การถ่ายเป็นเลือดอาจจะไม่ใช่โรคริดสีดวงทวารก็ได้


การถ่ายเป็นเลือดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคแผลที่ทวารหนัก เนื้องอก หรือมะเร็ง ดังนั้น หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด ไม่ควรรักษาด้วยตัวเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด